วันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2558

[APU] เริ่มต้นชั้นปีสองกับการทำงานพิเศษครั้งแรก...(Part 1)



              นี่ก็ผ่านมากว่า 1 สัปดาห์แล้วกับการเริ่มต้นใช้ชีวิตนักศึกษาปีสองที่ APU
              1 สัปดาห์ยาวนานดุจหนึ่งปี
              เนื่องจากตารางเรียนที่แสนจะหนักหน่วง (ลงทะเบียนไม่ดูสภาพสังขารตัวเอง) ทำให้ร่างกายและสมองของข้าพเจ้านั้นแทบจะแหลกสลายไปกับหมู่มวลวายุอันแรงกล้าบริเวณลานน้ำพุอันกว้างใหญ่พสุธา (เหรอ) แห่งเอพียูกันเลยทีเดียว
              และนอกเหนือจากตารางเรียนอันแสนบ้าระห่ำแล้วนั้น อินี่ก็ยังไม่หยุดหาเรื่องใส่ตัว
              ตั้งแต่ปิดเทอมที่ผ่านมา ตัวข้าพเจ้าที่นอนเปื่อยไปวันๆ อยู่ในดินแดนสยามเมืองยิ้ม ก็เกิดอาการเบื่อหน่ายกับชีวิตขึ้นมา ชั่วขณะหนึ่งก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า
              ทำไมไม่ทำไบท์วะ? (ไบท์ ย่อมาจากคำว่า Bai-to หรือ Arubaito มีความหมายสั้นๆ ง่ายๆ ว่า งานพิเศษ)
              แรงบันดาลใจก็มาจากคนไม่ใกล้ไม่ไกล “เอิ้น” มนุษย์สุดติสท์เพื่อนร่วมบ้านร่วมทุกข์รวมสุขแม้ในยามมียามยากยามฉิบหายยามหายนะ ผู้มีจิตใจอันแกร่งกล้าไม่กลับไทยแม้ใจนั้นจะลอยไปหาข้าวเหนียวหมูปิ้งตั้งแต่ครึ่งปีก่อนโน่นแล้ว นางสละชีพเพื่อเงินและเงินในการทำไบท์ช่วงปิดเทอมที่ร้านอาหารจีนแห่งหนึ่งในเมืองเบบปุแห่งนี้ (ที่จริงร้านก็อยู่แถวๆ บ้านอ่ะแหละ)จนมีรายได้เป็นกอบเป็นกำ ถือเป็นการใช้เวลาว่างแสนคุ้มค่านักเพราะได้ทั้งเงิน ประสบการณ์ และภาษาแม้มันจะต้องแลกด้วยหยาดเหงื่อและน้ำตา เอ๊ย น้ำพักน้ำแรง (อันน้อยนิด) ของเราก็ตาม
              ระหว่างที่เรานอนเปื่อยอยู่ที่ไทย “ไอซ์” มนุษย์สุดติ่งเพื่อนร่วมบ้านร่วมทุกข์ร่วมสุขร่วมติ่งทุกเวลาเช้าเที่ยงเย็นสามวันหลังอาหาร อีกมนุษย์ผู้มีจิตใจแกร่งกล้าไม่กลับไทยแม้หัวใจจะลอยไปหาก๋วยเตี๋ยวต้มยำเจ้าโปรดแถวบ้านแล้วก็ตาม นางก็ชักชวนให้ไปทำงานที่ร้านอาหารจีนแห่งนั้นด้วยกัน โดยไอซ์นั้นถูกชักชวนจากเอิ้นอีกที เราจึงตกลงกันว่าหลังจากที่ข้าพเจ้ากลับญี่ปุ่นไปแล้วจะไปสมัครงานที่ร้านนั้นด้วยกัน
              หลังจากที่เราเหินฟ้าจากแดนสยามเมืองมามาแลนดิ้งที่ญี่ปุ่นแดนปลาดิบ ไม่กี่วันจากนั้นเราก็ไปสมัครงาน ทว่า ตัวไอซ์ที่ชักชวนเราไปด้วยกันดันทิ้งเราไว้กลางทางเสียได้...
              นางตัดสินใจจะไม่ทำงานด้านล่าง จะยืนหยัดทำงานที่แคมปัสบนภูเขาสูงเฉียดฟ้า เอาไงล่ะทีนี้...ก็ฉายเดี่ยวสิครับ
              สำหรับร้านนี้เราสมัครเข้าไปโดยใช้ระบบ Shokai คือแปลไทยง่ายๆ เลยคือ “การแนะนำ” การแนะนำในที่นี้หมายความถึงการที่มีคนภายในร้านหรือคนรู้จักของเทนโจ (ผู้จัดการ) แนะนำตัวเราให้เทนโจรู้จัก อารมณ์แบบระบบฝากเข้าทำงานน่ะแหละ เป็นระบบที่ไม่มีพิธีรีตองอะไรมาก แค่โผล่หน้าไปให้เทนโจเห็นเค้าจะถามนู่นนี่นิดหน่อยแล้วจะตัดสินใจอีกทีว่าจะรับเราเข้าไหมอะไรประมาณนั้น
              ซึ่งผู้ที่แนะนำเราให้เทนโจแห่งร้านอาหาร China Kitchen รู้จักก็หนีไม่พ้นมนุษย์ติสท์อย่างเอิ้นนั่นเอง
               แต่อนิจจา ช่วงที่เราไปสมัครนั้นเป็นปลายเดือน คนที่ทำไบท์ที่นี่อยู่ก่อนแต่หยุดกลับบ้านเกิดกันไปชั่วคราวก็ทยอยกลับมาทำให้พนักงานเต็มไม่มีที่ว่างสำหรับมนุษย์แว่นเตี้ยอย่างเรา
              โถ ชีวิต
              เอาล่ะ แต่ชีวิตเราต้องไม่หยุดอยู่แค่นี้ งานนี้พลาดก็ต้องเดินหน้าหางานต่อไปเพื่อเอาเงินมาติ่ง เอ๊ย มายังชีพในต่างแดน หลังจากนั้นเราก็ใช้ชีวิตเปื่อยๆ ต่อไปเรื่อยๆ เพราะยังไม่เปิดเทอม อันที่จริงก็ไม่เปื่อยเสียทีเดียวหรอก เพราะก่อนกลับไทยเราได้ทำการย้ายหอจาก AP House หอพักอลวนรวมพลคนทุกชาติมาอยู่อพาร์ตเมนท์แห่งหนึ่งในเมืองแล้ว อพาร์ตเม้นท์ที่เราอยู่เป็นอพาร์ตเม้นท์ขนาดกลาง เป็นห้องแบบ 3DK คือ 3ห้องนอน 1 ห้องน้ำ 1 ห้องครัวไม่รวมห้องนั่งเล่น ซึ่งสมาชิกภายในบ้านก็อย่างที่กล่าวไปข้างต้น คือ เอิ้น ไอซ์และเรา ซึ่งตอนนั้นเรายังจัดการเรื่องย้ายบ้านไม่ทันเสร็จเรียบร้อยก็กลับไทยไปก่อนเสียแล้ว โถถัง นี่ห้องนอนหรือเศษซากสงครามคะนี่ นั่นล่ะค่ะ เราจึงต้องเคลียร์ห้องให้เรียบร้อย ไปตระเวนแจ้งเปลี่ยนที่อยู่ที่ City hall ธนาคารสองแห่ง ค่ายมือถือ AU ที่เราเซ็นสัญญาไว้รวมถึงไปรษณีย์ด้วย ดูๆ แล้วก็ไม่ค่อยจะว่างเท่าไหร่นัก
              จนกระทั่งถึงวันว่างๆ ชิลๆ วันหนึ่ง เราก็ตระเวนเดินที่ย่านแถวๆ บ้านว่าที่ไหนมีสมัครรับคนทำไบท์บ้าง หลักการสังเกตง่ายๆ เลยคือถ้าร้านไหนรับจะมีการติดป้ายที่หน้าร้านเอาไว้ (บางร้านก็ติดไว้ด้านใน) จะมีรายละเอียดว่า รับสมัครตำแหน่งอะไรบ้าง ต้องทำกี่ชั่วโมง มีกะไหนให้ทำบ้าง ค่าจ้างชั่วโมงละเท่าไหร่ รวมถึงเบอร์โทรไว้ติดต่อเทนโจของร้าน
              ซึ่งวันนั้นเราก็ได้มาสามแห่ง แห่งแรกเป็นร้านเบเกอรี่ขึ้นชื่อของเบบปุ แห่งที่สองเป็นร้านอาหารจีนใกล้ๆ ไดโซะ แห่งสุดท้ายเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นหลัง Max Value เราได้ทำการโทรติดต่อไปที่แห่งแรกกับที่สุดท้ายเพราะมีรายละเอียดค่าจ้างเขียนไว้ชัดเจน ส่วนแห่งที่สองนั้นมีเขียนไว้เพียงเบอร์โทรเท่านั้น
              สำหรับที่แรก แค่โทรไปเราก็ได้รับความเฟลกลับมา เพราะเทนโจพูดรัวและเร็วมาก แถมใช้ศัพท์ที่เราไม่เคยได้ยินมาก่อนทำให้เกิดอาการลนแบบหายนะ พูดไม่เป็นภาษากันเลยทีเดียว เทนโจเลยตัดบทว่าถ้าจะทำงานที่นี่ภาษาญี่ปุ่นต้องอยู่ในระดับดีมากเพราะต้องทำงานกับคนญี่ปุ่นล้วนๆ ก็เป็นการปฏิเสธการรับสัมภาษณ์กลายๆ ก็เป็นอันว่าอดไป
              สำหรับที่สุดท้าย เราโทรไปหลังจากเฟลจากที่แรกไม่นาน เทนโจพอรับโทรศัพท์ปุ๊บก็เหมือนจะรู้ทันทีเลยว่าเราเป็นคนต่างชาติจากสำเนียงการพูดจึงใช้คำไม่ยากมากในการสื่อสารเป็นอันว่าได้ตกลงวันสัมภาษณ์เรียบร้อย โดยเทนโจบอกว่าให้เอา Rirekusho ไปด้วย
              Rirekusho คืออะไร?
              Rirekusho คือแผ่นกระดาษเซ็ตหนึ่งที่มีไว้ให้เราใช้กรอกเวลาสมัครงาน จะมีให้กรอกชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทร ประวัติการศึกษา งานอดิเรก ข้อดีข้อเสียของตัวเอง และเหตุผลที่มาสมัครงาน อะไรพวกนี้เป็นต้น ซึ่งเราจะต้องแนบรูปถ่ายไปด้วย ซึ่งส่วนใหญ่ถ้าเราสมัครงานโดยใช้วิธีปกติ (ไม่ใช่ระบบรับฝาก) ก็จะต้องใช้ไอ้ใบนี้ตลอด บางที่เราสามารถเอาไปยื่นได้เลยถ้าเห็นเค้าประกาศรับสมัคร ถ้าเค้าจะเรียกสัมภาษณ์ก็จะโทรติดต่อมา แต่ส่วนตัวแนะนำให้โทรไปนัดสัมภาษณ์ดีกว่า เราปวดหัวกับการเขียนไอ้กระดาษแผ่นนี้พอสมควร ดีที่ได้ฟ้าฟี่แห่งบ้านอรอนงค์ทั้งสี่มาช่วย
              เมื่อมาถึงวันสัมภาษณ์เราก็พกเจ้ากระดาษแผ่นนี้ไปพร้อมกับความง่วงและเบลอเพราะคืนก่อนหน้าดันซ่าไปร้องคาราโอเกะกับน้องๆ สายรหัส เมื่อไปถึงเทนโจก็รออยู่ก่อนแล้ว จากนั้นเค้าก็พาเราไปนั่งโต๊ะอาหารโต๊ะหนึ่งในร้านซึ่งกลายเป็นสถานที่สัมภาษณ์ชั่วคราว สารภาพว่าวันนั้นเป็นครั้งแรกที่เข้าไปในร้านอาหารแห่งนี้เพราะเห็นจากด้านนอกก็สามารถสัมผัสได้ถึงความแพงหูฉี่จึงไม่เคยคิดจะเข้า ยอมรับเลยว่าเป็นร้านอาหาร ไม่สิ ขอใช้คำว่าภัตตาคารที่หรูหราเอาการ คิดว่าถ้าทำงานที่นี่ต้องเกร็งจนขาเป็นตะคริวแน่เพราะส่วนตัวไม่ค่อยจะถูกกับอะไรที่เป็นทางการนัก
              จากนั้นการสัมภาษณ์ก็เริ่มขึ้น เทนโจก็ถามไปเรื่อยๆ เราก็ตอบได้บ้างไม่ได้บ้าง บางคำถามก็ตอบได้โง่สุดอะไรสุด การสัมภาษณ์จบลงด้วยการที่เทนโจบอกว่าจะโทรมาบอกผลวันมะรืน ลึกๆ แล้วรู้สึกว่าจะไม่ได้เพราะบางคำถามตอบได้ไม่ดีเลย นี่คิดแทนเทนโจเลยว่าถ้าเราเป็นเทนโจก็ไม่เอาอิแว่นเตี้ยหน้ามึนนี่เหมือนกัน
           สองวันผ่านไปไวเหมือนโกหก
          เรานั่งลุ้นรอสายจากเทนโจทั้งวัน ไม่ใช่อะไร กลัวพี่ท่านจะโทรมาในเวลาเรียนแล้วเราไม่สามารถรับได้ แต่รอเล่ารอเล่าก็ไร้เสียงเรียกเข้าจากเบอร์ปริศนา ล่วงเลยมาจนค่ำก็เริ่มถอดใจ เปิดอนิเมะดูแก้เซ็ง ในระหว่างนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ที่ใช้ริงโทนสุดเก๋อย่างเพลง Miracle in December ของ EXO ก็ดังขึ้น
              เรา : โมชิโมชิ
              เทนโจ : สวัสดียามค่ำ นั่นใช่ เมย์ซังรึเปล่าครับ
              เรา : ใช่ค่ะ
              เทนโจ : ผมเทนโจ XX จากร้านอาหาร YY ขออภัยที่ติดต่อมาช้านะครับ
              เรา : ไม่เป็นไรค่า
              เทนโจ : ก่อนอื่น ต้องขออภัยจริงๆ นะครับที่ต้องบอกว่าคุณไม่ผ่าน
              เรา : คะ?
              เทนโจ : พอดีว่ารับคนอื่นเข้ามาแล้ว ต้องขออภัยด้วยจริงๆ
              เรา : เอ่อ...ไม่เป็นไรค่ะ
              จากนั้นก็จบบทสนทนา
              ..........
              ..........
              ..........
              แดกจุดไปดิ เฟลไปดิ
              ยอมรับว่าค่อนข้างผิดหวังพอสมควร แม้จะถอดใจไปแล้วก็เถอะ แต่ก็นะ เค้าก็มีสิทธิ์เลือกคนที่คุณสมบัติดีกว่านี่เนอะ
              คืนนั้นก็ดูอนิเมะไปห้าตอนรวดเลยทีเดียว (การบ้านคืออะไร?)
              และแล้วจู่ๆ คำพูดของเอ๋ย มนุษย์เพศหญิงอีกนางจากบ้านอรอนงค์ทั้งสี่ เป็นมนุษย์โลกกลมคนหนึ่งผู้ที่รู้จักคนไปทั่วและคนทั่วไปรู้จักนางก็ลอยเข้ามาในหัวว่าเอ๋ยจะให้มิ้นท์ (จากบ้านอรอนงค์ทั้งสี่อีกเช่นเคย) แนะนำเข้าทำงานที่สวนสัตว์แอฟริกันซาฟารีโดยที่ตัวมิ้นนั้นทำงานที่นี่มากว่าครึ่งปีแล้ว ก่อนหน้านี้เคยมีรุ่นพี่มาเสนอไบท์นี้ในเฟสเมื่อครึ่งปีก่อนจึงรู้รายละเอียดของไบท์นี้บ้าง ตอนนั้นเราก็สนใจแต่เวลาไม่เอื้ออำนวย ปิดเทอมที่ผ่านมาก็มองข้ามไบท์นี้ไปเพราะค่าจ้างค่อนข้างถูกกว่าที่ขึ้นเพราะเป็นแบบจ้างเหมาทั้งวันตั้งแต่ 8:30 – 17:30 น. ยังไม่รวมที่ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อรอรถมารับเวลา 7:30 น. อีกนะแถมเป็นวันเสาร์อาทิตย์ด้วย
              คือเป็นคนชอบนอนตื่นสายไง แถมวันเสาร์อาทิตย์นี่ก็กะจะนอนตื่นสายอยู่บ้านชิลๆ เลยไม่คิดสนใจไบท์นี้ แต่วินาทีนั้นนี่แบบ เอาก็เอาวะ ตอนนี้ขอแค่มีงานทำ ตื่นเช้าแค่ไหนเราก็จะสู้!
              วันนั้นเราจึงติดต่อพี่มิ้นไป พี่มิ้นก็ตอบกลับมาว่าโอเคจะลองฝากให้ แต่พี่มิ้นเพิ่งฝากเอ๋ยเข้าไป เดี๋ยวจะลองดูก่อน ถ้าเทนโจโอเคก็โอเค แต่ทว่า...เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา อยู่ๆ เอ๋ยก็มาบอกเราว่าให้เราไปแนะนำตัวแทนเอ๋ยเพราะเอ๋ยต้องไปตรวจสุขภาพทุกวันเสาร์เลยไปทำงานไม่ได้แล้ว เป็นอันว่าจากที่คิดว่าจะไปแนะนำตัวอาทิตย์หน้าก็กลายเป็นว่าเราต้องไปแนะนำตัวตั้งแต่เมื่อวาน...
              และแล้วก็มาถึงวันแนะนำตัว (ก็เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาน่ะแหละ) เราไปรอรถจากซาฟารีมารับพร้อมกับพี่มิ้นแล้วก็แนน (อีกสาวจากบ้านอรอนงค์ทั้งสี่) และเมื่อไปถึงเราก็ต้องงงเป็นไก่ตาแตกเพราะการแนะนำของที่นี่นั้น...ไม่เหมือนที่อื่น
           เมื่อไปถึงเทนโจก็ถามชื่อ (ขอเน้นว่าถามแค่ชื่อ) จากนั้นเราก็ได้รับคำสั่งให้ไปเปลี่ยนชุดยูนิฟอร์มของร้าน (เป็นร้านขายอาหารเครื่องดื่มของสวนสัตว์) เสร็จแล้วก็...เช็ดโต๊ะ เช็ดเสร็จเทนโจก็ให้แนนมาสอนงานเรา เราก็เรียนรู้งานไปกับแนนแบบงงๆ
              เดี๋ยวนะ...นี่คือรับเข้าทำงานแล้วใช่ป่ะ?
              เอาจริงเด้!?
              เป็นอันว่าตอนนี้เราก็มีไบท์ทำแล้วค่ะ ตอนนี้ทำมาได้สองวันแล้ว เดี๋ยวไว้จะมาเล่าทีหลังว่าการทำไบท์ที่สวนสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในเกาะคิวชูนั้นเป็นอย่างไรบ้าง
              จากการตระเวนหาไบท์ครั้งนี้ เราก็ได้ประสบการณ์ชีวิตเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม เผชิญหน้ากับความท้าทายและความหวังหวัง พร้อมกับบทเรียนบางอย่างที่ได้กลับมาให้ขบคิด
สิ่งที่เราคาดหวังไว้อาจไม่เป็นไปตามที่คาดเสมอไป ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ หรอก ระหว่างทางอาจจะสะดุด อาจจะท้อ อาจจะเฟลไปบ้างแต่ท้ายที่สุด...ก็ยังมีเส้นทางที่เราสามารถก้าวเดินต่อไปได้เสมอ แม้ว่าเส้นทางเหล่านั้นอาจไม่ใช่เส้นทางที่เราวางแผนเอาไว้ก็ตาม
บางครั้งอาจมีหลายทางให้เลือกเดินมากจนไป อยู่ที่เราว่าจะตัดสินใจเลือกเดินไปทางไหน บางครั้งอาจมองไปเห็นหนทางให้ก้าวไป พบเพียงป่าไม้รกทึบและภูเขาสูงชัน
อยู่ที่ว่าเราจะหาวิธีฝ่าป่าไม้รกทึบนั้นไปได้ไหมและภูเขาสูงชันลูกนั้นไปได้ไหม

ใครจะรู้...จุดหมายปลายทางของเส้นทางนั้น อาจดีกว่าที่เราคาดเอาไว้ก็เป็นได้  

วันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

mai, koi - Nakayama Yuma (Thai trans)

言葉をただ並べて それは何かを隠すかのように
唇重ねた それが最後の温もりだった
ร้อยเรียงถ้อยคำเอาไว้ ราวกับต้องการปิดบังอะไรสักอย่าง
ริมฝีปากที่ได้สัมผัสซึ่งกันและกันนั้น คือความอบอุ่นครั้งสุดท้ายที่ฉันได้รับ

冬が香りその度に思う 色褪せないままの二人が
零れた涙に君が映る それが手のひらで一つはじけた
ทุกครั้งที่กลิ่นของฤดูหนาวล่องลอยมา ภาพของสองเราที่ดูเหมือนจะไม่มีวันแยกจากก็กลับเข้ามาในหัว
น้ำตาที่หลั่งไหลสะท้อนเพียงภาพของเธอก่อนจะร่วงลงสู่ฝ่ามือของฉันทีละหยด

恋は雪のように 儚く溶けては
二人を白く染めて
サヨナラ、サヨナラと 舞い上がれ夢よ
その背中にずっと 永遠を重ねてた
ความรักนั้นก็เปรียบเหมือนหิมะ อยู่กับเราเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนจะละลายหายไป
ย้อมสองเราให้กลายเป็นสีขาวโพลน
ลาก่อน...ลาก่อนนะความฝันที่โบยบินไป
ความนิรันดร์ที่ซ้อนทับกันบนแผ่นหลังของพวกเรา


記憶が話しかける それは今でも変わらない日々
少し広い部屋に 君の笑顔が見えてた
เมื่อพูดถึงเรื่องราวความทรงจำเหล่านั้น แม้กระทั้งตอนนี้ก็ไม่อาจผันเปลี่ยนวันคืนที่ผ่านมา
ในห้องที่ค่อนข้างกว้างห้องนั้น ภาพที่เธอกำลังเผยยิ้มอยู่ก็ปรากฏขึ้นในสายตา

街は光り恋人が集う 目を閉じてあの日を思ってた
溢れた涙に君を想う 二度と戻れない時を感じた
คู่รักที่สว่างไสวเดินขวักไขว่กันมากมายในเมืองแห่งนี้ ฉันหลับตาลงแล้วนึกย้อนถึงวันคืนเหล่านั้น
ฉันคิดถึงเธอพร้อมกับน้ำตาที่ไหลหลั่ง ตระหนักได้ว่าช่วงเวลาเหล่านั้นไม่อาจย้อนกลับคืนมาได้อีกแล้ว


恋は花のように 儚く散っては
心に棘を残し
サヨナラ、サヨナラと 信じてた夢よ
この空にずっと 永遠を探してた
ความรักก็เปรียบเหมือนดอกไม้ อยู่กับเราเพียงช่วงเวลาสั้นๆก่อนจะปลิวหายไป
ทิ้งไว้เพียงหนามที่คอยทิ่มแทงหัวใจ
ลาก่อน...ลาก่อนนะความฝันที่ฉันเคยเชื่อมั่น
จะคอยมองหาความเป็นนิรันดรบนฟากฟ้าตลอดไป


消えることはない 思い出になっても
寂しげなその瞳は いつまでも僕の中に
เรื่องราวเหล่านั้นไม่มีวันจางหายไปหรอก แม้ว่าทุกอย่างจะกลายเป็นเพียงแค่ความทรงจำก็ตาม
ดวงตาที่แสนอ้างว้างของเธอนั้น ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็จะอยู่ในใจฉันไม่เปลี่ยนแปลง

恋が終わるように 舞い落ちた雪が
僕の時間を止めて
恋は雪のように 儚く溶けては
二人を白く染めて
サヨナラ、サヨナラと 舞い上がれ夢よ
その背中にずっと 永遠を重ねてた
แม้ว่าความรักจะจบลงไปแล้ว ดั่งหิมะปลิวตกลงมา
และหยุดเวลาของฉันเอาไว้ตรงนั้น
ความรักนั้นก็เปรียบเหมือนหิมะ อยู่กับเราเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนจะละลายหายไป
ย้อมสองเราให้กลายเป็นสีขาวโพลน
ลาก่อน...ลาก่อนนะความฝันที่โบยบินไป

ความเป็นนิรันดรที่ซ้อนทับกันบนแผ่นหลังของพวกเรา

วันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

[APU] เหยียบย่างสู่รั้ว APU ไม่มีหยุดพัก

เนื่องจากหายหัวไม่ได้อัพบล็อคมาเสียนาน เอนทรี่ต่อไปนี้การเป็นการเล่าเรื่อวราวย้อนหลังเท่าที่หัวสมองน้อยๆ ของข้าพเจ้าจะนึกได้ ส่วนหนึ่งเป็นสิ่งที่จดไว้ในไดอารี่ ส่วนนึงมาจากการเค้นจากสมอง เบลอบ้างมั่วบ้างไม่ว่ากันนะครับ




หลังจากฟินกับคอนเสิร์ตไปแล้วก็ถึงเวลาเตรียมตัวไปญี่ปุ่นกับเขาสักที =O=

ในที่สุดวันที่เราเดินทางไป APU ก็มาถึง!!

ซึ่งเราก็ตื่นสายเช่นเคย น้านุชกับน้าหมีมาหาช่วงเที่ยง เอาของมาฝาก ทั้งน้ำพริกแห้ง ขนม มะม่วงกวน ทุเรียนทอด บลาๆๆ

จะขนไปหมดมั้ยนั่น OTZ

ด้วยความสามารถในการยัดแบบขั้นเทพของน้าเราทำให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี

ไปช็อปกันที่เซนทรัลแจ้งวัฒนะ เสร็จแล้วเราก็กลับมาอาบน้ำเตรียมเดินทางไปสนามบิน แวะไปรับพี่มายด์กับพ่อที่ดอนเมือง

พวกเรามาถึงสนามบินสุวรรณภูมิเวลาหกโมงเย็นนิดๆ ซึ่งมาก่อนเวลานัดนานมาก ฮ่าๆๆๆ เค้านัดตั้งสามทุ่มแน่ะ พวกเราไปกินมือเย็นกันที่ S&P ของเราสั่งข้าวหน้าไก่ S&P มา


ไม่อร่อยเลยให้ตายเถอะ =___=


กินเสร็จก็มานั่งแกร่วกันอยู่ สักพักวิกับแพรก็มาหาพร้อมกับของขวัญ ปริ่มมากกกกก ของวิเป็นกระเป๋าสะพาย ของแพรเป็นผ้าพันคอ ที่จริงสองคนนี้บอกให้แกะตอนมาถึงญี่ปุ่นแล้วแต่กล่องของขวัญใหญ่มากทำให้ขนขึ้นเครื่องลำบากก็เลยแกะซะเลยก่อนขึ้นเครื่อง ซอรี่น้า แต่ชอบของขวัญมากกกกกกกกกกก


ส่วนน้องแทมมาหาตอนใกล้จะเข้าเกทแล้ว พวกเราสองคนดูคลิปคอนเสิร์ตexoกันก่อนไป ตลกมาก ติ่งยันวินาทีสุดท้ายจริงๆ พวกพ่อกับแม่ พี่มายด์และน้านุชน้าหมีกลับกันไปแล้ว น้องแทมจึงเป็นคนส่งเราเข้าเกทไปขึ้นเครื่อง


และแล้วช่วงเวลาที่ท้าทายก็มาถึงนั่นคือ....การที่ต้องทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ทั้งหมด!ตอนนี้เราจำชื่อเพื่อนได้เกือบหมดแล้ว (หรา?) มี EXO-L อยู่ด้วยแหละ คือไอซ์ เป็นเมนน้องแบค ภัทรเมนชาน เม้าท์กันมันส์ฝุดๆ ฮ่าๆๆๆ

เวลาเที่ยงคืนครึ่งก็ถึงเวลาขึ้นเครื่องบิน เราโทรหาแจมแต่แจมไม่ได้รับ แบตก็ใกล้หมดจึงปิดเครื่องไป (ก็ต้องปิดอยู่แล้วป่ะวะ)

บนเครื่องเรานั่งข้างภูมิ (เขียนงี้ป่ะวะ) ภูมิเป็นคนเงียบๆ โลกส่วนตัวค่อนข้างสูง แต่เราคิดว่าถ้าได้คุยในเรื่องที่เขาสนใจเราสามารถคุยกันได้ยาวเลยล่ะ และเป็นคนมีน้ำใจด้วย

นั่งหิวกันสักแปบแอร์ก็เอาแซนวิชกับน้ำมาเสิร์ฟ ก็อร่อยดี หลังจากนั้นเราก็เปิดฟังเพลงเจ๊บริทย์นี่บนเครื่องแล้วก็หลับไป

ตื่นมาอีกทีก็ใกล้ถึงแล้ว แอร์เสิร์ฟอาหารเช้า เป็นเซ็ตออมเลต ไม่ค่อยถูกใจเพราะมันเลี่ยนๆ

และแล้ว เครื่องบินก็แลนดิ้งสู่ท่าอากาศยานฟุกุโอกะ เย้!!

เราไปถึงกันในช่วงเช้า วุ่นวายกับด่านตม.และเอากระเป๋าเดินทางนิดหน่อย ในทริปนี้มีคนซวยเนื่องจากกระเป๋าเดินทางโผล่ไปสวิซนั่นก็คือมิว ก็ลุ้นกันต่อไปว่าจะได้กระเป๋าวันไหน

หลังจากลำเลียงกระเป๋าขึ้นรถขนส่ง (?) กันหมดแล้ว พวกเราทั้งสามสิบชีวิต (มั้ง) ก็พากันไปขึ้นรถบัสเพื่อเดินทางจากจังหวัดฟุกุโอกะเข้าสู่เมืองเบ็บปุต่อ ใช้เวลาประมาณสองชม.ซึ่งระหว่างนั้นข้าพเจ้าก็หลับเป็นตายเลยเช่นกัน ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

เมื่อมาถึง รุ่นพี่ก็ให้เอากระเป๋าไปเก็บก่อนจะมานั่งจุ้มปุ๊กในห้องๆ หนึ่งของหอที่สอง เป็นตึกกลาง สักพักก็มีสมาชิก HAO มาต้อนรับ แนะนำตัวกันไปเล็กน้อยก็มาถึงช่วงเวลาที่ระทึกที่สุด นั่นก็คือ....การประกาศเลขห้องตัวเองนั่นเอง!!

อย่างที่รู้กัน (ใครรู้กับแก) ตอนยื่นเอกสารขอ COE จะมีเอกสารของ AP House ให้เลือกว่าจะอยู่ห้องเดี่ยวหรือห้องแชร์ ติ๊กไรก็ติ๊กไปเถอะ สุดท้ายเค้าก็สุ่มให้ บางคนติ๊กห้องเดี่ยวได้ห้องแชร์ บางคนติ๊กห้องแชร์ได้ห้องเดี่ยว....=__=

เราเลือกห้องเดี่ยวไปด้วยเหตุผลประการเดียว...

มันมีห้องส้วม!!

จะอธิบายความแตกต่างระหว่างห้องเดี่ยวกับห้องรวมให้

เริ่มจาก 'ห้องเดี่ยว' ก่อนละกัน

ห้องเดี่ยวมีความหมายตรงตัวคือห้องที่อยู่คนเดียว ปลีกวิเวก....ผิดส์ เอาเป็นว่าเข้าใจใช่มะ?

ข้อดี : ได้อยู่คนเดียว เป็นส่วนตัว มีห้องส้วม
ข้อเสีย : แคบ (แต่ก็ไม่ได้แคบอะไรขนาดนั้นนะ)

คร่าวๆ ประมาณนี้ นี่รูปตอนย้ายมาใหม่ อย่าให้เห็นสภาพตอนนี้นะ ฮ่าๆๆๆ


ส่วน 'ห้องแชร์' เราจะได้แชร์ห้องกับเพื่อนคนญี่ปุ่น 

ข้อดี : ได้เพื่อนคนญี่ปุ่น ห้องกว้าง 
ข้อเสีย : ไม่มีห้องส้วม ต้องไปใช้ส่วนกลาง

ก็แล้วแต่สไตล์ชอบอ่ะนะ ข้าพเจ้าเองนั้นเลือกห้องเดี่ยวไป 

ผลที่ได้คือ...ได้ห้องเดี่ยวจ้า!!! สมใจค่ะ คือลุ้นมาก เค้าบอกว่าคนที่ได้ห้องเดี่ยวจะได้ทิชชู่(ไว้ไปใช้ในห้องส้วม) คนที่ได้ห้องแชร์จะไม่ได้...

ไม่เคยอยากได้ทิชชู่ขนาดนี้มาก่อนในชีวิต....

และข้าพเจ้าก็ได้ทิชชู่มาครอบครอง วะฮะฮ่า!!!

เอิ่ม...จบเรื่องทิชชู่เถอะ

เอาเป็นว่า หลังจากทุกคนได้กุญแจห้องตัวเองมาแล้วนั้น ก็แยกย้ายกลับห้องตัวเองกันไปตามหอตามตึกที่ตัวเองได้ ของเราเป็นตึก L ตอนแรก RA จะพาเดินดูหอคร่าวๆ ก่อน สอนวิธีใช้เครื่องซักผ้า เปิดน้ำอุ่นบลาๆๆ หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันไปห้องตัวเอง ห้องของข้าพเจ้าอยู่ชั้น 5 ตึก L เป็นชั้นหญิงล้วน และก็ค้นพบว่าเพื่อนที่มารอบ Fall ด้วยกันอยู่ชั้นนี้เยอะพอดูเลย 

ก็มี เป๋าเป่า ไอซ์ (เมนน้องแบค) นัท มิจิโกะ (ลูกครึ่งไต้หวันผมสีชมพู ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นสีคาราเมล) และข้าพเจ้า 

เป็นเดอะแกงค์ห้าสาวเลยจ้า 

ห้องของเราอยู่ติดกับนัท ช่วงแรกๆ เลยอยู่ด้วยกันบ่อย

สำรวจห้องสักพักก็ต้องไปสำรวจมหาลัยต่อ!!

เหนื่อยขั้นสุด คือน้ำยังไม่อาบ ยังไม่ทำอะไรทั้งนั้น แต่ก็นะ ใครพาไปไหนก็ไปจ้ะ เราจะสู้!

แวะกินมื้อเที่ยงกันที่โรงอาหารของมหาลัย สั่งไก่ชุบแป้งทอดมา อร่อยดี

มื้อแรก หมดไป 361 เยน!




ส่อแววจนแต่วันแรก...

ก่อนจากจะขอฝากบางอย่างให้น้องๆ ที่จะมาในรอบถัดไป ว่าด้วยเรื่องของที่ควรจะขนติดกระเป๋ามาด้วย

1. ปลั๊กพ่วงของไทย เอาแบบที่เสียบรูกลมๆ ได้ด้วยอ่ะ ปลั๊กพ่วงญี่ปุ่นมีแต่รูแบน ใช้กับเต้าเสียบบางอันของเครื่องใช้ไฟฟ้าไทยไม่ได้ อาทิเช่น ที่ชาร์ตโนตบุ๊คของข้าพเจ้าเป็นต้น

2. มาม่า + โลโบ้ อยู่สักพักคุณจะคิดถึงรสชาติของอาหารไทย พกๆ มาหน่อยก็ดี

3. ถ้ารู้ตัวว่าเป็นคนที่ติดรสชาติแบบไทยมาก จงเอาน้ำมันหอย ซีอิ๊วขาว บลาๆๆ มาด้วย รสชาติซอสปรุงรสของที่นี่ไม่เหมือนไทย โดยเฉพาะพริกป่น น้ำมะนาวและน้ำผึ้ง พริกป่นญี่ปุ่นหาความเผ็ดไม่เจอ รสชาติน้ำมะนาวไม่ถูกปาก และน้ำผึ้งที่นี่ไม่อร่อย (คหสต.)

4. Router มนุษย์ติดอินเทอร์เน็ตอย่างเราจะขาดไปได้อย่างไรกัน

5. ยังไม่รู้ ตอนนี้คิดออกแค่นี้ คิดออกเพิ่มจะมาอิดิท


วันอังคารที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2557

EXO From EXO Planet :: The lost planet in BKK คอนครั้งนี้ ชั่วชีวีจะไม่ลืม

คำเตือน!

เอนทรี่นี้ยาว สาระที่แท้จริงอยู่สิบบรรทัดสุดท้าย



ในที่สุดก็ได้ฤกษ์มาอัพบล็อคกับเขาสักทีหลังจากหายหัวไปนาน

วันนี้จะเริ่มเล่าเรื่องตั้งแต่เมื่อวาน.... ไม่สิ จะเล่าตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเลยก็แล้วกัน

คืองี้ อย่างที่รู้กันว่า EXO มาจัดคอนเสิร์ตที่ไทยแลนด์แดนสวรรค์ของหมู่เฮา ซึ่งแน่นอนว่าข้าพเจ้าที่ตามวงนี้มาตั้งแต่เดบิวต์ใหม่ๆ ย่อมไม่พลาดคอนเสิร์ตในครั้งนี้เป็นแน่!

และในที่สุด อินี่ก็บากบั่นไปจนได้ =___=

ประเด็นคือแบบ เห็นในกรุ๊ปไลน์ของสมาชิกเดอะแก้งค์ APU คือทุกคนกำลังเตรียมพร้อมกับการมาญี่ปุ่นแล้วอินี่ลัลล้าไปคอนอยู่คือร่ะ?

ช่างเถอะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ

เออนั่นแหละ ในที่สุดอินี่ก็ไปคอน วันเสาร์โซน SG แถว C วันอาทิตย์โซน H แถว S

คือบั่บ วันแรกอินี่ไปแถวสามจากหน้าสุด วันที่สองอินี่ไปแถวสามจากหลังสุดกันเลยทีเดียว

โดยเราบินขึ้นมาจากกระบี่มากรุงเทพตั้งแต่วันศุกร์ ถึงกทม.ก็เที่ยง ไปถึงแยมจังก็มารับที่สนามบินดอนเมือง พวกเราพากันเดินทางไปเก็บของที่เมืองทองก่อนจะตรงไปประตูน้ำเพื่อซื้อชุดไทยสำหรับใส่มางานปฐมนิเทศน์ของ APU งมหาร้านกันอยู่นานกว่าจะได้ชุดที่ต้องการ หมดไป 1850 บาท OTZ เสร็จแล้วก็ตรงไปพารากอนเพื่อดูงานแถลงข่าวของ EXO แต่คนเยอะมากกกกกกกกก เยอะแบบ เยอะชิบหาย ลานแทบแตก เรา แยมจังและน้องแทมเลยจรลีมาดูทุกอย่างผ่านจอตรงบีทีเอสแทน

เสียงก็ไม่ได้ยิน จอภาพก็เล๊กกกกกเล็กกกกกก โคตรไม่คุ้ม สรุปแล้วพวกข้าพตรูจะไปทำไมคะ!?

อืม คิดซะว่าไปเป็นหนึ่งในเสียงกริ๊ดให้หนุ่มๆ ชื่นใจละกัน ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ดูจบพวกเราสามคนก็กลับมาเมืองทอง สลบเป็นตาย คือมันเหนื่อย เหนื่อยมากกก แล้วที่ได้มันไม่คุ้มค่าเหนื่อยไง เลยเฟลตามๆ กันไป

วันต่อมา...ซึ่งเป็นวันเสาร์ พวกเรานัดแนะกันว่าจะเสนอหน้าไปอิมแพคตั้งแต่แปดโมงเช้าเพื่อต่อแถวซื้อแท่งไฟสุดท้ายพากันตื่นสายไปอีกทีก็เกือบเที่ยง

คนเยอะมากกกกกกกกกกกกกก เยอะแบบ เฮ้ย ฉันมาทำอะไร ฉันควรไปยืนอยู่ตรงไหน งง ง๊งงงงงงงงง

แล้วเราก็ไปต่อแถวเข้าคิวอยู่เป็นชั่วโมง สุดท้ายก็ต้องออกมาเพราะแยมจังไปยื่นสิทธิ์ใช้ทรูมูฟเฮททไให้ได้ซื้อแท่งไฟมาโดยไม่ต้องต่อคิว

คือแบบ....

เอิ่มมมมมมมมมมม

กูต่อมาจะเป็นชั่วโมงแล้วปร้ะ ใกล้จะถึงซุ้มขายแล้วเนี่ย ละแบบ...จ้ะ

เออ ช่างเถอะ

หลังจากนั้นพวกเราสองคนก็ตระเวนตามล่าหาของแจกที่พวกบ้านใหญ่ๆ ทำมาแจก ถามว่าทำไมมีอยู่สองคน น้องแทมหายไปไหน? รายนี้กลับห้องไปตั้งแต่ถึงหน้าอิมแพคด้วยอาการวิงเวียนคล้ายจะอาเจียน

เรากับแยมจังกลับห้องหลังจากที่เดินกันจนเหนื่อย นอนพักประมาณชม.สองชม.ก็ได้เวลาไปคอน แบบว่าโคตรตื่นเต้น เรานั่งข้างแยมจัง ส่วนน้องแทมไปนั่งอีกโซน อยากจะบอกว่ามันใกล้มากกกกกกก

ใกล้แบบนี้เลยอ่ะ
 
โฮววววววววววว
 
แต่โซนนี้เสียอย่างคือพวกหนุ่มๆ มาไม่ค่อยถึง แบบพอถึง SI ก็จะหยุดไม่ค่อยเผื่อแผ่มาโซนนี้ เป็นความเซ็งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ =__= แต่ก็เอาเหอะ สิ่งที่ได้รับรู้วันนี้คือพี่หมินน่ารักโคตรๆ ได้เมนใหม่เป็นม๊าเลย์ คือแบบ คนอะไรวะ นางฟ้าสุดๆ TwT เซฮุนก็น่าเอ็นดู เทาหล่อมากกกกกกกกกก หล่อแบบบ หล่ออ่ะ หล่อออออออออออออ พี่เฉินก็หล่อแบบกระชากตับไตไส้พุง
 
น้องแบคไม่ค่อยโผล่มาทางนี้แต่มันแน่นอนว่าต้องน่ารักมากชัวร์ ดีโอนี่คือดีงาม ไคเราขะไม่พูดถึงหน้าตาเพราะหล่อกระชากจิตอยู่แล้วแต่จะขอชมการแสดงโซโล่ของฮี คือเด็ด คือดีงาม คือมีพลัง คือเมพ ตราตรึงจริงๆ
 
ส่วนพี่ซูโฮ น้องจะไม่พูดอะไรนอกจากความขาววิ้งค์ของพี่มันช่างกระแทกตาจริงๆ เจ้าค่ะ
 
 มาถึงน้องชานยอลสุดที่รักกันบ้าง อย่างที่รู้กันว่าเราเมนชาน (ใครรู้กับมึงหรอ??) ไม่ค่อยมีโมเม้นท์กับชาน เพราะชานไม่ค่อยมาโซนนี้ ตอนวิ่งมาก็หันหลังให้อีก โธ๋ คุณเมนนนนนนนนน มาตายเอาวินาทีสุดท้ายที่ฮีใส่หมวกคุมะมาโบกมือหยอยๆ ไปมาให้เนี่ยแหละ
 
ส่วนพี่ลู่.................................หายไวๆ นะพี่
 
ส่วนข้อเสียของคอนนี้เราจะไม่พูดให้ตัวเองโดนกระทืบหรอก ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
 
 
มาถึงวันที่ 2 กันบ้าง
 
วันนี้เราไปนัดรับโปสการ์ดชานยอล เสร็จแล้วก็แวะไปเจอน้ำผึ้ง ได้เข็มกลัดลู่หมินเป็นที่ระลึก ขอบใจมากนะเว้ย
แบนเนอร์คู่หูสูงอายุ ฟินป่ะล่ะ แอร๊ย
 
 
ได้พัดลู่หมินมาด้วย สวยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ไว้ว่างๆ จะถ่ายมาลงให้ดูนะ
 
 
วันนี้เราไปบัตรยอดดอย คิดไว้เล่นๆ ว่าคงไกล ไม่ฟินหรอก กะไปทำโปรเจ็คเฉยๆ สรุปแล้ว....
 
มันส์โคตรเลยค่ะพี่น้องงงงงงงงงงงงงงงงง
 
เผลอๆ สนุกกว่าวันแรกอีก บัตรยอดดอยนี่คือเห็นทุกอย่างอ่ะ ทั้งการเล่นแสงสีบนเวที การแสดงโดยรวมและฉากหลังที่เป็นแท่งไฟสีขาว
 
ทุกอย่างที่ปรากฎในกรอบสายตามันเพอร์เฟ็คมากกกกกกกกก
 
นั่นแหละก็กลับบ้านไปด้วยความฟิน น้ำตาไหลสุดคือตอนเทาถ่ายรูปพวกเรานี่แหละ ขอบคุณนะที่เห็นความสำคัญของ EXO-L ไทยขนาดนี้
 
คำพูดของพี่ซูโฮซึ้งมาก ซึ้งจริงๆ นะ ขอบคุณโปรเจ็คของทางยูเนี่ยนที่ทำให้ทุกอย่างมันออกมาสวยงามขนาดนี้
 
คอนจบก็ไปกินบูมสเต็กกับน้องแทม วันนี้แยมจังไม่ได้มาเพราะกดบัตรไม่ทันเลยกลับคอนโดไปก่อนแล้ว
 
จากนั้นน้องแทมก็กลับหอตัวเองไป ส่วนข้าพเจ้าก็กลับมาฟินที่ห้องพร้อมกับคอมเครื่องใหม่ซึ่งก็คือ Surface นั่นเอง...
 
และเจ้า surface นี่แหละที่ทำให้เกิดเรื่องปวดหัวในเวลาต่อมา...
 
อยากรู้ก็จงอ่านตอนถัดไปจ้ะ


วันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2557

หลากหลายฟีลละเกิน

11/09/2557

วันนี้อี้ชิงมีความสุขมาก มาถึงไทยแล้วววว EXO-L ไทยก็มีความสุขกันมาก...
แต่...
พี่หาน...ไม่ได้มา
พี่หานป่วย ไม่สามารถมาขึ้นคอนที่ไทยได้
จุกไปหมด
ร่างกายเหมือนชาไปซะดื้อๆ
สองปีกว่าที่รอคอยมา...
จะไม่ได้เจอเหรอ?
จริงๆ เหรอ???
อยากจะคิดว่านี่เป็นเรื่องตลกร้าย เป็นแค่ความฝัน เดี๋ยวมันก็ผ่านไปแต่...
ไม่เลย
มันคือความจริง
ความจริงที่เราต้องยอมรับให้ได้
ไม่เป็นไรนะพี่หาน รักษาตัว พักผ่อนให้เต็มที่นะ อย่าฝืนตัวเองมากรู้มั้ยเจ้ากวาง
ไว้ค่อยเจอกันที่ญี่ปุ่นก็ได้เนอะ ^^
ส่วน EXO อีก 10 คนก็สู้ๆ นะ!! เจอกันพรุ่งนี้
เอ้อ พี่คริสแถลงข่าวหนัง Somewhere only we know ด้วย หล่อโฮกกกกกกกก หล่อมากกกก โอ๊ย ภูมิใจ สู้ๆ ในเส้นทางที่เลือกเดินนะอู๋ ชั้นก็จะสู้ไปพร้อมกับนายเหมือนกัน
อนึ่ง พรุ่งนี้เป็นวันที่เราจะขึ้นกรุงเทพก่อนจะเดินทางไปญี่ปุ่นในวันจันทร์เพื่อไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น
ใจหายเนอะ
ต้องคิดถึงบ้านมากแน่ๆ เลย ฮืออออออออออ
เอาเถอะ ยังไงก็ตัดสินใจจะไปแล้วนี่นะ
สู้โว้ย!



วันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ทำหนังสือครั้งแรก กับฟิคชั่น EXO + อัพเดทชีวิตสุดเรื่อยเปื่อย


ปกสวยงามมากค่ะ แอร๊ยยยยยย ขนส่งโทรมาแบบไม่ทันตั้งตัว ตอนแรกคิดว่าจะได้วันจันทร์หน้าซะอีก


ที่น่าหงุดหงิดคือที่คั่น ท้ายแหว่ง หงุดหงิดมาก คือแจ้งไปตั้งแต่เล่มตัวอย่างแล้วว่าผิด ส่วนตัวแล้วกับโรงพิมพ์นี้ความประทับใจให้คะแนนดังนี้

คุณภาพ : 7 /10 (หักเพราะที่คั่นและการไสกาวบางเล่ม)
อันธยาศัยทีมงาน : 10/10 (พูดดี ไม่เหวี่ยงใส่ ใจเย็น)
ความใส่ใจในรายละเอียด : 5 (ส่งหนังสือขาดไป 5 เล่ม ทำที่คั่นผิด ไม่ได้ห่อพลาสติกสุญญากาศให้ เหตุผลคือเราไม่ได้แจ้งโดยที่ทีมงานไม่ได้บอกให้แจ้งด้วย =__________= รวมถึงที่คั่นที่แจ้งเรื่องผิดพลาดไปแล้วก็ยังทำมาผิด แต่ยังดีที่ทำส่งใหม่มาให้)
ความรวดเร็ว : 9.5/10 ใช้เวลาทำตัวอย่าง 1 วัน (ไม่รวมจัดส่ง) ทำเล่มจริงประมาณ 3 วัน (ไม่รวมจัดส่ง) 

คุณภาพหนังสือโดยรวมถือว่าโอเคนะถ้าตัดรายละเอียดยิบย่อยไป เนื้อกระดาษโอเค หมึกโอเค สวยเลยแหละ แต่ก็นั่นแหละ ถ้าถามว่าถึงกับต้องยกนิ้วให้เป็นโรงพิมพ์นัมเบอร์วันอย่างที่หลายคนรีวิวมั้ย สำหรับเราที่ก็เพิ่งได้จับงานทำครั้งสือครั้งแรกก็ถือว่าไม่ค่ะ ครั้งหน้าจะลองหาโรงพิมพ์อื่นดู ถ้าไม่เจอที่ไหนดีกว่านี้ค่อยกลับมาใช้บริการ ฮ่าๆๆ  
  


นี่จะบอกว่าปิดเทอมระหว่างรอไป APU เวลาของข้าพเจ้าหมดไปกับฟิคเล่มนี้ค่ะ T[]T 

ขณะที่เพื่อนๆ เขาเตรียมตัวอ่านหนังสือ เรียนภาษาญี่ปุ่นกัน ตัวข้าพตรูนั้นทำอะไร? เอาเหอะ...เราจะไม่พูดถึงมัน ชีวิตวันๆ โคตรจะเรื่อยเปื่อย เหมือนหายใจทิ้ง ไม่ได้ทำอะไรเป็นประโยชน์แก่ชีวิตตัวเองเล้ยยย หนังสือหนังหาก็ไม่อ่าน นิสัยขี้เกียจแบบนี้เมื่อไหร่จะแก้ได้สักทีนะ

วันๆ หมดไปกับ EXO EXO และก็ EXO!!

จะบ้าตาย เตือนไว้เลยนะ รักชีวิตจะคิดจะบ้าไอดอลเกาหลีหรือญี่ปุ่นเชียว 

ที่จริงก็ชอบได้อ่ะแหละนะ หลายคนอาจจะมีความรับผิดชอบในชีวิตมากกว่าเรา ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

คิดดูเถอะ จะไปเรียนญี่ปุ่นอยู่ละ ในหัวยังมีแต่คอน EXO ที่จะมาจัดวันที่ 13, 14 กันยานี้เลย 

แท่งไฟยังไม่มี จะใส่เสื้อไรไปดี? เอาผ้าเชียร์ใครไปบ้าง บลาๆๆๆๆๆๆ

ในหัวมีอยู่แค่เนี่ย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

น้องๆ ที่เข้ามาอ่านบล็อคของพี่ทุกคนอย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่างนะคะ T^T

ต่อจากนี้จะเป็นการเวิ่นเว้อถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาเท่าที่จำได้ ว่าชีวิตได้ทำไรไปบ้างในสามเดือนว่างๆ นี่

1. ไปเรียนภาษาเยอรมันกับแก้ว....ถามว่าเพื่ออะไร? มึงจะไปญี่ปุ่นไม่ใช่เหรอ คำตอบคือ ว่างค่ะ ฮ่าๆๆ เพื่อนมาชวนไปหารค่าเรียน อินี่ก็ไปจ้ะ ชอบเรียนรู้ภาษาใหม่ๆ อยู่ละ ภาษาเยอรมันก็ยากนะแต่ไม่ถึงกับยากลงไปดิ้นตายเหมือนจีน =__= เพราะมีรากศัพท์เดียวกับอังกฤษนั้นแหละ จะไปปวดหัวตรงผัน V. เพศของคำไรพวกนี้มากกว่า แก้วก็ขับรถยนต์ไปรับไปส่ง รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นง่อยเพราะขับรถไม่เป็น เรียนประมาณเดือนนึงมั้งก็จบคอร์สไป แก้วก็ต้องขึ้นกรุงเทพ เริ่มเรียนตั้งแต่ 6 มิถุนา 

2. ตามล่าหาข่าวพี่คริส อย่างที่รู้กันว่าฮีหายไป =__=;; ตอนนี้ก็เป็นอันรู้กันละว่าฮีผันตัวไปเป็นนักแสดง เดบิวต์ด้วยหนังรักด้วยนะ แอร๊ยยย แถมยังร้องเพลงประกอบหนัง Tiny Times ภาค 3 อีก เสียงเพราะมาก เสียงหล่อมาก แบบ โอ๊ย พูดไม่ออกอ่ะ ไม่คิดว่าพี่คริสจะเสียงเพราะขนาดนี้ ปริ่มมากกกกกกก น้ำตาจิไหลขอแชร์นะเคอะ TwT

หนอยยยย หล่อเชียวพ่อคุณ!

มีทั้งกระแสตอบรับที่ดีจากแฟนคลับอี้ฝาน แต่ก็มีกระแสในทางลบเหมือนกันจากคนที่ไม่พอใจที่ฝานออกจากวง อย่างที่ว่าคือมันค่อนข้างผิดจังหวะ หนึ่งอาทิตย์ก่อนไปคอนมันก็นะ...คือก็เมนชานยอลด้วยเลยเข้าใจทั้งสองฝ่าย แต่ก็พร้อมจะให้อภัยไง ความฝันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน พร้อมจะยอมรับการตัดสินใจของเขานะ เขาผิด แน่นอน ไม่ได้บอกว่าไม่ผิดนะ คริสผิดที่ก้าวไปผิดจังหวะ (สุดๆ) แต่บางทีก็ไม่เข้าใจคนที่เกลียดแล้วตามด่าตามแซะตลอดเหมือนกัน ไม่เหนื่อยบ้างเหรอ

ส่วนตัวถึงฮีจะผิดแค่ไหนก็พร้อมจะให้อภัยอ่ะ ไม่รู้ดิ กับจินนี่หนักกว่าอีกยังรักมันอยู่เลย ฮ่าๆๆๆๆ

3. ลุ้นบัตรคอน EXO เตรียมกดบัตรไปตั้งแต่วันที่ 2 ได้บัตร 1200 ของวันอาทิตย์มา ที่จริงควรได้ที่นั่งดีกว่านี้ แต่ด้วยความโง่วส่วนบุคคลขอไม่ระบุ เอาเหอะ กดครั้งแรก มีครั้งหน้าฉันจะไม่พลาด!! แต่ก็ได้บัตร 6,000 โซน SG แถว C มาของวันเสาร์ ซื้อต่อมาอีกที ฮ่าๆๆๆ 

4. เรียนซอ อย่าพูดว่าเรียนเลย ไปแค่ 2 ครั้ง หนูขอโทษค่ะอาจารย์รวยริน

5. อาจารย์ที่รักมากที่สุดท่านหนึ่งเสีย อาจารย์วิจารณ์....ร้องไห้อยู่หลายวัน ช็อคมาก ช็อคจริงๆ แต่ก็ได้ไปกราบศพท่าน ขอให้อาจารย์ไปสู่สุขคตินะคะ

6. พัฒนาความสัมพันธ์กับน้องหมีอ๊อฟไปอีกขั้น อะแฮ่ม อย่าได้คิดอะไรลึกซึ้ง ฉันยังชอบผู้ชาย แต่ก็ชอบผู้หญิงน่ารักๆ ไง แค่อยากเป็นเพื่อนอยากอยู่ใกล้ๆ แต่นี่หยอดน้องอ๊อฟจนเค้าเกือบเข้าใจผิดละ กร๊ากกกกกกก

7. น้องแทมมีแฟน....จ้ะ ตามสบาย ฮ่าๆๆๆๆ (ใส่มาทำไมฟะข้อนี้) วันจันทร์ที่แล้วช่วงวันแม่ไปดูหนังเรื่อง Into the storm กับน้องแทมด้วย ความฮามันอยู่ตรงที่ พอไปกินข้าวที่ศศิกันเรียบร้อยแล้วใช่มะ ก็นั่งรถแดงไปต่อ เราก็ขึ้นตามน้องแทมไปแต่ก็เอะใจถามน้องแทมว่า

เรา : ได้ถามคนขับรถยังว่าไปโลตัสป่ะ
แทม : ก็เนี่ยป้ายเขียนอยู่ว่าไปโลตัส

โอเค เชื่อก็ได้ และวินาทีระทึกมันอยู่ที่ รถเสือกเลี้ยวไปทางรร.อำมาตย์เว้ย!!

เรากับน้องแทมถึงกับชะงักค้าง บทสนทนาขาดหายไปดื้อๆ มองหน้ากันส่งสายตาให้กันว่า...ชิบหายละ!!

แต่เรื่องก็จบลงด้วยดีด้วยการที่คนขับส่งให้พวกเราไปขึ้นรถอีกคัน จากนั้นพวกเราก็ไปจองตั๋วหนัง เหลือเวลาอีกเป็นชั่วโมงก็เดินเล่น นั่งแกร่วกันไปตามประสา

หนังสนุกมากกกกกกกก มันส์สุดๆ ไปเลย!

8. ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาเกิดเรื่องขึ้นมากมาย ก็ปัญหาครอบครัวนั่นแหละนะ มีเรื่องให้ต้องเสียน้ำตา ถึงกับต้องวอ.ฉุกเฉิน (?) เรียกพี่มายด์กลับบ้านเลยทีเดียว แต่ก็ผ่านมาได้อ่ะนะ ชีวิตต้องสู้

9. ไปนอนบ้านย่ามาสองวัน อยู่ที่นั่นก็ดีเหมือนกัน ห่างไกลเทคโนโลยี ได้สัมผัสธรรมชาติ

10. ซื้อโฟโตบุ๊คชานยอลของบ้าน Esprit กับของพี่คริสบ้าน lovey dobby มา ส่วนตัวชอบของชานยอลมากกว่า (มาก) เลือกรูปดี ดีวีดีก็ทำดี ส่วนของพี่คริส รูปก็โอเคนะ แต่ชัดสู้อีกบ้านไม่ได้ คุณภาพกระดาษก็สู้ไม่ได้ เลือกรูปไม่ค่อยโอ แบบรูปสวยๆ ก็มีแต่รู้สึกว่ารูปของบ้านนี้มันมีสวยกว่านี้อ่ะ ทำไมไม่เอามาใส่ =___=

11. โดนพี่ลู่ขโมยหัวใจไปจากคริสยอลรอบที่ล้าน โอ๊ย อิมนุษย์เหนือเมน!!

12. ได้รู้จักกับคนญี่ปุ่นคนหนึ่ง เค้าชื่อยูกะ เป็นแฟนคลับ EXO เหมือนกัน รู้จักโดยบังเอิญ เห็นเค้าประกาศตามหาบัตรคอนในไทยในทวิตเลยไปฟอลไว้และเข้าไปคุยไปถาม เค้าเรียกเราว่าเมย์จัง เราเลยเรียกเค้าว่ายูกะจังด้วย เค้าก็ไม่ว่าไร เราก็นึกว่าเค้าจะอายุพอๆ กันไรงี้ 

สรุป...เค้าอายุ 30 กว่าแล้วจ้า TOT

ชิบหายจ้ะ อินี่ก็ยูกะจังไปอย่างมั่นใจ OTZ ตอนนี้เปลี่ยนมาเรียกยูกะซังแล้ว ฮ่าๆๆๆๆ

13. มีแพลนแต่งฟิคย้อนยุคกับพี่ทราย จะรอดมั้ยเนี่ย (หมายถึงตัวเอง พี่ทรายท่านเทพอยู่ละ) โฮวววว

14. ไปทะเลกับแก้วเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ไปตากลม กินพิซซ่ากันที่ร้านหน้าหาด ชิลดี

15. EXO ออกโฟโตบุ๊คใหม่...ตัดพี่คริสออกหมดเลย เจ็บแท้หนา แต่ก็ซื้ออยู่ดี ใครใช้ให้ชานยอลน่ารักล่ะ ฮรืออออออออ พี่ลู่ก็ฮอตเหลือเกิน พ่อมนุษย์เหนือเมน!

16. พอเถอะ -__-



ชานยอลคนน่ารักของพี่ +O+///


เซ็กซี่อ่ะ กล้ามแขนแบบ...T^T


ขาสั้นคือนิพพาน



รูปจากโฟโต๊บุ๊ค....เทายอลคืออะร๊ายยยยยยย แล้วน้องยอลคะ ไม่ใส่ซับนะคะน้อง เอวอ่ะ ฮรือออ ไม่ไหวละ ชานยอลแอทแทค โฮกกกกกกก




แน้ พ่อคนแมน มีไรหนวดมาอีกแล้วนะตัวเธอ


รูปจากโฟโต้บุ๊ค...คือว่า...พี่ลู่ไม่ควรทำให้ข้าแตกตื่นแบบนี้นะคะ ลุคนี้ไม่ทนนะคะ หล่อไปนะคะ เซ็กซี่ไปนะคะ ขอยาดมค่ะ 





เด็ดสุดคือ...คุณหนูจุนค่ะ!! กริ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
พี่จุนแต่งหญิงคือไม่ทนเฟ้ย! คือก่อนหน้านี้ยอมรับเลยว่าพี่จุนเป็นเมนลำดับท้ายๆ ของวงแต่หลังจากคอน SM TOWN ที่ผ่านมา พี่ท่านได้รับภารกิจให้มาแต่งหญิงเต้นเพลง Something...

แม่เจ้า สวยอ่ะ เหมือนตุ๊กตาเลย เอาหัวใจหนูไปเลยค่ะพี่ โฮวววววววว



รูปที่ถ่ายที่เบอร์ลิน เอาฟะ SM ตัดออกจากฟตบ. ดูรูปจากที่แฟนคลับถ่ายมาก็ด้ะ ชริ!


สุดท้ายนี้...คิดถึงพี่คริส ล่าสุดปรากฎตัวที่สนามบินปักกิ่งเมื่อวันที่ 15 หล่อแบบวัวตายควายล้มมากนี่พูดเลย 



คิดถึงคริสยอล