วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

[THTrans] KAT-TUN - TABOO

[THTrans] KAT-TUN - TABOO


長い呪文にかかるふに 眠る刹那の夜は
Nagai jumon ni kakaru furi nemuru setsuna no yoru wa
ในยามที่ฉันกำลังผล็อยหลับไปในยามราตรีกาลมืดมิด ฉันก็เผลอติดกับเวทมนต์บทนั้นเสียแล้ว

自由を手にした人魚の誘惑 深い海に堕ちていく Ah
Jiyuu wo te ni shita ningyo no yuuwaku fukai umi ni ochiteyuku Ah
สิ่งเย้ายวนใจที่ถูกโอบอุ้มเอาไว้ในอ้อมแขนของตุ๊กตาตัวนั้น  อิสระเป็นสิ่งฉุดดึงฉันเอาไว้ในห้วงมหาสมุทรลึก อา



冷たい水が心狂わす 肌合わせても 安心できない
Tsumetai mizu ga kokoro kuruwasu hada awasetemo anshin dekinai
สายน้ำเย็นเฉียบทำให้หัวใจฉันแทบบ้าคลั่ง แม้นกายสองเราจะถูกเชื่อมเข้าด้วยกัน ฉันก็ไม่อาจรู้สึกผ่อนคลายได้เลย

Paranoia, Think of you 二人だけ連れ去り 光る波が吞み込む運命
PARANOYA think of you futari dake tsuresari hikaru nami ga nomikomu unmei
หวาดระแวงเหลือเกิน ยามคิดถึงเธอแล้ว โชคชะตาได้ดูดกลืนสองเราไว้ในคลื่นที่ส่องประกายระยิบระยับซึ่งแยกเราสองคนให้ห่างกัน อา



I will see through your secret 罪と罰
(I will see through your secret) Tsumi to batsu
ฉันจะมองลึกไปยังความลับของเธอทั้งหมด ทั้งเรื่องผิดบาปทั้งหลาย ทั้งบทลงโทษที่สาสม

I will see through your secret 突き破れ
(I will see through your secret) Tsukiyabure
ฉันจะมองลึกไปยังความลับของเธอทั้งหมด  ปล่อยให้ตัวเองถูกมอดไหม้และถูกทิ่มแทง

魔性の扉に この手かけた時 君の中 溺れる覚悟
Mashou no tobira ni kono te kaketa toki kimi no naka oboreru kakugo
เมื่อยามฉันได้ทาบมือลงบนประตูแห่งความสามานย์ ฉันก็ได้เห็นถึงปณิธานอันแน่วแน่ที่ล้นทะลักมาจากตัวคุณ



深く長いEcstasy 感情剥き出しのCrazy
Fukaku nagai EKUSUTASHII kanjou mukidashi no Crazy
ความปีติยินดีที่ดิ่งลงล้ำลึก ความบ้าคลั่งในการปลดปล่อยอารมณ์ให้แก่ฉัน

誘う水辺に二度と戻れない 夜の海に溶けてゆく Ah
Izanau mizube ni nido to modorenai yoru no umi ni tokete yuku Ah
เพื่อล่อลวงเธอไปให้ถึงชายฝั่งนั้น ฉันจะไม่หันย้อนกลับไปอีกแล้ว ฉันจะหลอมละลายท่ามกลางมหาสมุทรยามค่ำคืน อา



気づけば二人取り残された ひとつになって 泳ぐしかなかった
Kizukeba futari tori no kosareta hitotsu ni natte oyogu shika nakatta
ก่อนที่สองเราจะสังเกตเห็น เราก็มาไกลเกินถอยกลับเสียแล้ว เราทำอะไรไม่ได้นอกจากว่ายน้ำไปเท่านั้น เป็นหนึ่งเดียวกัน

Can't stop lovin' you 十字架を揭げて ずっと君を守り抜く Ah
Can't stop lovin' you juujika wo kakagete zutto kimi wo mamorinuku Ah
ไม่อาจหยุดรักเธอได้เลย ก้าวผ่านเส้นทางที่เต็มไปด้วยอุปสรรคขวากนามเหล่านี้ไปด้วยกัน ฉันจะปกป้องเธอเอง อา



I will see through your secret 黒い蜜
(I will see through your secret) Kuroi mitsu
ฉันจะมองลึกไปยังความลับของเธอทั้งหมด หยาดน้ำผึ้งสีรัตติกาล

I will see through your secret 立ち上がれ
(I will see through your secret) Tachiagare
ฉันจะมองลึกไปยังความลับของเธอทั้งหมด ลุกขึ้นมาสิ

永遠の鎖に 二人繋がれて 君のためだけに 叫べば
Eien no kusari ni futari tsunagarete kimi no tame dake ni sakebeba
แม้นสองเราจะถูกผูกมัดไว้ด้วยกันด้วยโซ่ตรวนไม่สิ้นสุด ฉันจะกู่ร้องเพียงเพื่อประโยชน์ของเธอเพียงเท่านั้น



I will see through your secret 罪と罰
(I will see through your secret) Tsumi to batsu
ฉันจะมองลึกไปยังความลับของเธอทั้งหมด ทั้งเรื่องผิดบาปทั้งหลาย ทั้งบทลงโทษที่สาสม

I will see through your secret 突き破れ
(I will see through your secret) Tsukiyabure
ฉันจะมองลึกไปยังความลับของเธอทั้งหมด  ปล่อยให้ตัวเองถูกมอดไหม้และถูกทิ่มแทง
運命の扉を この手で開けた時 海の果て 光を掴め
Unmei no tobira wo kono te de aketa toki umi no hate hikari wo tsukame
เมื่อฉันได้เปิดประตูแห่งโชคชะตาด้วยมือคู่นี้ ฉันก็คว้าเอาแสงสว่างไว้จากใต้ลึกสุดของห้วงมหาสมุทร

วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ไปสอบ TOEIC

วันนี้ท้องฟ้ามืดครึ้มแต่เช้าแต่เราก็ต้องตื่นทั้งที่บรรยากาศนั้นโคตรจะน่านอนเพราะเป็นวันสอบ TOEIC ที่ตั้งใจอ่านอย่างมุ่งมั่นที่สุดเท่าที่เคยทำมา

วันนี้นอกจากจะมีท่านแม่สุดที่รักเป็นผู้ร่วมทางแล้ว ก็มีนันนันที่ไปสอบกับเราด้วย

อย่างที่บอกว่าเราสองคนมีเป้าหมายเดียวกัน...

ระหว่างทางก็เมาท์มอยเรื่องนู้นเรื่องนี้ เรื่อง EXO บ้าง เรื่องเพื่อนในห้องบ้าง 555+


แปะเพื่อนาง ฮ่าๆๆๆ


ก่อนออกเดินทางพวกเราสองคนก็สวดมนต์กันในห้องพระที่บ้านของเรา คำอธิษฐานก็คงเหมือนๆ กันคือ ขอให้สอบได้ในคะแนนที่คาดหวังไว้


ไปถึงที่มอ.ภูเก็ตประมาณ 11 โมงกว่า ระหว่างรอก็เอาหนังสือมาทำข้อสอบและทบทวน ได้เจอเพื่อนจากห้องเดียวกันด้วย คือ อ๋องแอ๋ง

บอกแล้วว่า เอาจริง!!! ฮ่าๆๆๆๆๆๆ

นี่เป็นสนามสอบแรกที่เจอตั้งแต่ขึ้นม.6 มาเลยนะเนี่ย! (เพื่อนเขาสอบติดกันไปหลายคนแล้ว -*-)

รู้สึกตัวเองแปลกแยกยังไงบอกไม่ถูก เพราะคนอื่นที่มาสอบนั้นมีแต่นักศึกษาและผู้ใหญ่วัยทำงานทั้งนั้น มีนักเรียนม.ปลายอยู่ไม่กี่คน

พอใกล้ถึงเวลาเข้าห้องสอบ เรากับนันนันก็เตรียมพร้อม ขณะที่คนอื่นเขาเมาท์มอยกัน เราก็...

นั่งสมาธิค่ะ!!

ได้ผลนะขอบอก จากตอนแรกที่เรากับนันนันมึนหัวเพราะเมารถ (มั้ง) ก็หาย แต่พอลืมตาเท่านั้นแหละอาการก็กำเริบ 555+

ตื่นเต้นมากนี่พูดเลย หัวใจเต้นแรงมาก ไม่มั่นใจเลยสักนิด รู้สึกว่าตัวเองยังไม่พร้อม ในหัวขวโพลน ไม่มีอะไรจะไปสอบ

แต่เอาวะ อะไรมันจะเกิดก็ต้องเกิด 

ในที่สุดก็ได้เวลาเข้าห้องสอบ เลทมา 30 นาที เพราะนักศึกษามอ.มาลงทะเบียนช้าซึ่งเป็นอะไรที่น่าโมโหมาก คราวหลังจะไม่ลงสมัครพร้อมกับนักศึกษามอ.แล้ว เสียเวลาไปมากอ่ะ จริงๆ -*-

พอเข้าห้องสอบแล้วเราก็ไม่มีสิทธิ์ออกไปข้างนอกได้อีกจนกว่าจะหมดเวลาสอบ คาดว่าบางคนอาจจะประสบปัญหาแบบนี้เช่นเดียวกัน...

1.ห้องหนาวมาก

และ 2. ปวดปัสสาวะ =_____________=;;;;;;

นรกแตกมากค่ะทุกท่าน ตั้งแต่พาร์ทแรกยันพาร์ทสุดท้าย ต้องอั้นกันสุดฤทธิ์สุดเดช ไม่รู้ทนมาได้ยังไงนะตอนนั้น แถมตอนทำพาร์ท listening ฝนก็เทลงมาห่าใหญ่จนกระทบหลังคาดังมากแข่งกับเสียงเทปที่เปิด...

จ้ะ -_____-////

ข้อสอบพาร์ทฟังถือว่ายังโอเคสำหรับเรา แต่ประเด็นคือไอ้ที่คิดว่าทำถูกเนี่ย จากประสบการณ์การทำแบบฝึกหัด ผลสรุปคือ ข้าพตรูผิดหมดค่ะ เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าจะไม่หวังอะไรมาก 5555+

ส่วนพาร์ทอ่านก็ปล่อยให้เป็นตามมีตามเกิด ทำเท่าที่ทำได้ ก็ยังทำทันเวลาอยู่ แต่ประเด็นเหมือนกับพาร์ทฟัง คือ...จะถูกไหม?


700 คะแนนที่หวังไว้อาจปลิวหายไปกับสายฝนที่ชุ่มช่ำ หรือไม่ก็เกิดปาฏิหารย์ที่ล่องลอยมากับสายลมที่พัดฉิวส่งเสียงหวีดหวิวดังมากระทบใบหู...

เพ้อเป็นนิยายเลยตรู 

เอาเถอะ ผลคะแนนจะออกมาเป็นยังไงเราก็จะยอมรับให้ได้ เพราะเราทำเต็มที่แล้ว...

(ไม่เกี่ยว แต่อยากลง)

พอสอบเสร็จก็วุ่นวายกับการตามหาตัวท่านแม่สุดที่รักเล็กน้อย จากนั้นเราก็ตรงดิ่งกลับบ้านกัน

เป็นวันที่เหนื่อยจริงๆ 555555+

กลับมาถึงก็เต็มที่จ้ะ กลับมาติ่งเต็มรูปแบบหลังจากหายหัวไปอ่านหนังสือหลายวัน 5555+ ดูคลิปฮาๆ ของ EXO บ้างไรบ้าง แฟนคลับที่เทพจริงๆ เลยให้ตายเถอะ กร๊ากกกกกกกกกกก


ส่วนคะแนนโทอิคน่าจะมาถึงประมาณวันพฤหัส ก็ลุ้นกันต่อไป~~~

วันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ประชุมผู้ปกครอง

ก็ไม่ฟังหรอกนะว่าอาจารย์พูดอะไรกันบ้าง พวกนักเรียนยืนออกันอยู่หลังห้อง บ้างก็นั่งลงกับพื้นเพราะไม่มีที่นั่งอย่างเรา T ซัง และนันนัน

ผู้ปกครองก็เสนอความเห็นบ้างอะไรบ้าง เถียงกันเองก็มี ค่อนข้างน่าเบื่อสำหรับเรา เพราะเรื่องบางเรื่องเราว่าพูดไปมันก็แก้ไขอะไรไม่ได้หรอก โรงเรียนเป็นยังไงก็ยังเป็นอย่างนั้น...

เลยได้แต่นั่งติวโทอิคกับนันนันอย่างเงียบๆ 5555+ ส่วน T ซังก็คงเบื่อเต็มแก่เช่นกันถึงได้หยิบการ์ตูนขึ้นมาอ่าน

วันนี้มีเรื่องหงุดหงิดตัวเองนิดหน่อย (ไม่นิดล่ะ) จากไอ้นิสัย 'พูดไม่คิด' ของตัวเองนั่นแหละ

พยายามจะแก้ไขแล้วนะ แต่ก็แก้ไม่ได้ซะที เฮ้อออ


เนื่องจากมัวมานั่งเครียดกับคำพูดไม่คิดของตัวเอง เลยเอาแต่นั่งดูเอเคบีทั้งวัน ฮ่าๆๆๆ

หนังสงหนังสือไม่ได้อ่านเล้ยยยยยยย

แล้วจะสอบติดป่ะเนี่ยยยย







วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

สภาวะเวิ่นเว้อระหว่างเตรียมเอนท์

เป็นครั้งแรกที่ชีวิตมีเป้าหมายอย่างจริงจังนอกจากการไปเยือนแดนปลาดิบอย่างญี่ปุ่น...

เข้ามหาวิทยาลัย

คิดว่านักเรียนวัยม.6 ทุกคนคงเคยมีความรู้สึกแบบนี้สินะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ

และเป็นครั้งแรกที่รู้สึกโกรธตัวเองขนาดนี้

ประมาท ไม่ตั้งใจและไม่เคยใส่ใจ...

จวบจนกระทั่งใกล้ถึงวินาทีสุดท้าย

น่าแปลกที่ตลอดระยะเวลาที่เรียนม.ปลายที่ผ่านมา เราไม่เคยหาเป้าหมายเจอเลยสักครั้ง

อยากเรียนอะไร อยากเป็นอะไร และอยากใช้ชีวิตแบบไหน

ไม่รู้เลย ไม่เคยรู้เลย

ทุกๆ วัน ใช้ชีวิตไปกับเสียงเพลง ไอดอล การ์ตูนและนิยาย

แต่อย่างน้อย ทุกๆ วันนั้น เราก็ยิ้มได้อย่างมีความสุข

ทุกอย่างหล่อหลอมให้เรากลายเป็นคนแบบนี้

และเราไม่เคยเสียใจ ที่ชีวิตได้ดำเนินไปพร้อมกับสิ่งบันเทิงเหล่านั้น

เอ๊ะ นอกเรื่องนี่หว่า...ฮ่าๆๆๆๆๆ

เอาเป็นว่าตอนนี้เรามีเป้าหมายในชีวิตแล้ว และกำลังตั้งใจทำมันในแบบของเรา ถ้าได้เมื่อไหร่แล้วจะมาบอกแต่ถ้าไม่ได้ก็จะเงียบหายไปแบบเนียนๆ กร๊ากกกกกก

เอาล่ะ ไฟท์ติ้ง!!!



อัพเดทชีวิตช่วงนี้กันสักนิด...จะเป็นการเมาท์เพื่อนตัวเองซะส่วนใหญ่

ที่โรงเรียนก็ยังเหมือนเดิม เรียนไปเรื่อยๆ แต่จะมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปนิดหน่อยคือ จากที่เวลาว่างจะมานั่งเมาท์มอยกับ T ซังเพื่อนเลิฟ ก็เปลี่ยนมาเป็นอ่านหนังสือ (เรียน) แทน

T ซังเองก็กำลังพยายามอยู่เหมือนกัน...

เราสองคนก็ยังเหมือนเดิมนั่นแหละ ทั้งแกล้งทั้งเกรียนใส่กันไปมา แต่ก็เป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดอ่ะนะ ฮ่าๆๆๆ

อ้อ ช่วงนี้เราสนิทกับเพื่อนอีกคนด้วยแหละ ไม่สิ ตั้งแต่ช่วงเทอม 1 นั่นแหละ ในที่นี้จะเรียกว่า 'F ตัน'

F ตันเป็นเพื่อนร่วมห้อง นั่งข้างหลัง T ซัง แต่ที่ผ่านมาไม่เคยได้คุยกันจริงจังสักครั้ง ส่วนใหญ่ F ตันจะคุยกับ T ซังซะมากกว่าเพราะเรียนสายศิลป์ คำนวณเหมือนกัน

จนกระทั่ง F ตัน ตกหลุมรักชานยอล


ก็ไม่รู้มาตกลงปลงใจ (?) กับชานยอลได้ยังไงอ่ะนะ แปลกใจอยู่เหมือนกัน เพราะปกติ Fตันจะชอบแนวๆ ฝรั่งหน่อย แต่ช่างเหอะ  หลังจากนั้นเราสองคนก็คุยกันมากขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้มาสนิทกันแล้วล่ะ 55555+ ขอบอกเลยว่า F ตันเป็นยอดคนดี เป็นยอดคนเสียสละ จนบางครั้งก็แอบคิดไม่ได้ว่าดีเกินไปรึเปล่า (//โดนตบ) 

อีกคนที่ไม่พูดถึงไม่ได้ ในที่นี้จะเรียกว่า P ซัง

เป็นอีกบุคคลหนึ่งที่สนิทกับเรามากเป็นอันดับต้นๆ ของห้อง พูดได้เลยว่าชีวิตม.ปลายของเราถ้าไม่มี P ซังก็อาจบรรลัยได้ตั้งแต่ขึ้นม.5 

ขาดไม่ได้จริงๆ นะคนนี้ 555+

คอยเป็นเพื่อนคุย คอยเป็นห่วง คอยช่วยเหลือและให้กำลังใจกันเสมอ

ขอบคุณนะ

ตอนนี้ P ซังกำลังมุ่งมั่นกับการสอบหมอ ขอให้โชคดีนะ เธอทำได้อยู่แล้ว


พูดถึงใครอีกดี อ้อ กีวี (นามสมมติ)

กีวีเป็นเพื่อนที่สนิทกับ T ซังมากที่สุด และก็สนิทกับเราพอสมควร ขยันเอาโล่ เราก็กีวีถือว่าคุยกันบ่อยมากนะ ปรึกษากันบ่อยๆ ถึงทัศนคติบางอย่างจะไม่ตรงกัน แต่เราก็อยู่กันได้ กีวีนั่งด้านหลังเรา เป็นคนที่จริงใจ พูดตรง บางทีก็แรงไปนิดส์ แต่โอเค รับได้ 5555+ กีวีก็ต้องการสอบหมอเหมือนกัน ขอให้ติดนะ


มาพูดถึง G จัง กันบ้างดีกว่า

คนนี้อยู่ห้องเดียวกันมาตั้งแต่ม.1 ตัวสูงพอๆ กับเรา ทำให้เราชอบไปกอด G จังเสมอ บางทีก็หอมแก้มทำให้ผช.ที่จิ้นยูริบางคนสติแตกอยู่บ่อยๆ Gจังเป็นคนน่ารักสดใส ถึงคนอื่นจะชอบว่า G จังต๊องๆ ก็เหอะ แต่ยังไงเราก็รู้สึกว่าน่ารักอยู่ดีน่ะแหละ อยากได้เป็นน้องสาวอ่ะ 555+ 

ปล.ที่จริงแล้วนี่เป็นนิสัยส่วนบุคคล เราเป็นคนที่นิสัยคล้ายๆ ยูโกะคือชอบสกินชิพมาก บางทีที่ไปกอด G จังบ่อยๆ เพราะยัย T ซังมันไม่ยอมให้กอดจริงๆ ซะที =______= ยัยนี่เกลียดการสกินชิพเข้าไส้ ชิส์


ขาดใครอีก อ้อ DJ 

DJ นี่เป็นผู้หญิงน่ะเออ เป็นมุสลิมที่เคร่งในศาสนามากๆ เป็นอีกคนที่เราสามารถคุยได้เรื่อยๆ 555+ อยู่ในขั้นสนิทอีกคนนึงเลยล่ะ คงเป็นเพราะกรุ๊ป A เหมือนกันด้วยล่ะมั้ง ทำให้เรื่องบางเรื่องเราสองคนเข้าใจกันโดยที่คนอื่นอาจจะไม่เข้าใจเรา 555+


ต่อด้วย นันนัน

นันนัน เป็นเพื่อนสนิทของ G จัง เป็นบุคคลที่ยากแท้หยั่งถึง =__=;; กำแพงสูงมาก เข้าถึงยากมาก รูปร่างค่อนข้างสูง หน้าตาจัดว่าดูดีถือว่าป๊อปในหมู่ผู้ชายใช้ได้ แต่ไม่มีใครกล้าจีบ -*-  เราไม่เคยคุยกับนันนันจริงๆ จังๆ หรอก แม้ว่าช่วงปิดเทอมตอนม.4 จะเคยเรียนเคมีด้วยกันแค่สองคนก็เหอะ แต่ก็ยังไม่สนิทอยู่ดี เพราะกำแพงที่สูงลิ่วของนาง 5555+ จนกระทั่งเทอมที่แล้วที่มีงานกลุ่มวิชาประวัติศาสตร์นั่นแหละ...

เราเป็นคนที่ต้องเป็นลีดเดอร์ให้กลุ่มเสมอ ซึ่งก็ไม่เข้าใจว่าทำไม -*- บางครั้งก็ไม่ได้อยากเป็นเลยจริงๆ ภาระหนักมาก และครั้งนี้ก็เช่นกัน และนันนันก็เป็นคนที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ โดยมาช่วยเราทำรายงานถึงบ้าน

ซาบซึ้งมากอ่ะ บ่องตง

ที่จริงแล้วนันนันเป็นคนที่มีสภาวะเป็นผู้นำมากกว่าเราอีกนะ ทำไมไม่ให้นางลีดกลุ่มไปวะ ไม่เข้าใจ =_=

นั่นแหละ หลังจากเหตุการณ์นั้นพวกเราก็สนิทกันมากขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจเป็นเพราะบางอย่างที่คล้ายกัน อย่างที่บอกในตอนแรกว่านันนันเป็นคนที่มีกำแพงสูงลิ่ว ยากแท้หยั่งถึง อันที่จริงในสายตาคนภายนอกเราก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน แต่อันที่จริงคือไม่มีอะไรอ่ะ จริงๆ กำแพงนั่นเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา 5555+

และตอนนี้เรายิ่งสนิทกับนันนันมากขึ้นไปอีกเพราะอยู่ๆ นันนันก็มาชอบวง EXO ด้วยอิทธิพลของน้องสาวและที่สำคัญ...

เรามีเป้าหมายเดียวกัน

สำหรับเรา นันนัน ไม่ใช่ 'คู่แข่ง' แต่เป็น 'เพื่อนร่วมทาง'

เราจะต้องไปด้วยกัน...


เวิ่นเรื่องนันนันเยอะละ พอเหอะ 555+


คนสุดท้ายที่จะพูดถึงคือ แยมจัง

เรารู้จักกับแยมจังมาตั้งแต่ม.1 แต่แยมจังก็ย้ายไปกรุงเทพตอนม.2 แต่เราก็ยังติดต่อกันเสมอ แยมจังชอบโทรมาปรึกษาเราหลายๆ เรื่อง และมีอีกสิ่งหนึ่งที่เชื่อมเราไว้ด้วยกัน...

ไอดอล

กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

หกปีแล้วนะเว้ยเฮ้ย! ทุกปิดเทอมแยมจังจะมานอนที่บ้านของเราเสมอ (ยกเว้นตอนม.5 ที่เราต้องเรียนพิเศษอย่างบ้าคลั่ง) เพราะเหตุนี้แหละ ทำให้แยมจังรู้นิสัยรู้ไส้รู้พุงของเราหมด =__=;; 

แยมจังเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย และมีบุคลิกค่อนข้างอมทุกข์ ที่จริงมันหน้าตาน่ารักอยู่นะ -*- ติดตรงชอบทำหน้าเศร้านี่แหละ แถมเป็นคนยิ้มไม่เก่งทั้งที่เวลายิ้มมันก็น่ารักดีออก =_= 

ขอบคุณสำหรับเป้าหมายที่มอบให้กัน และขอบคุณที่ยังนึกถึงกันเสมอ

รักแกมากนะ!




แปะจิเน็นให้เลยอ่ะ 555+


ขอจบการเวิ่นเว้อแต่เพียงเท่านี้ สวัสดี ราตรีสวัสดิ์ ฮ่าๆๆๆๆ