เป็นวันที่เราตื่นเต้นสุดชีวิต ตั้งแต่ยังไม่เริ่มวันใหม่ ทั้งยังลงทุนแหกขี้ตารอยันตีสอง...
ถามว่ารออะไรงั้นเหรอ?
"ประกาศผล APU" ยังไงล่ะ!! ฮ่าๆๆๆ
ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง อุวะฮะฮ่า ปูเสื่อรอจนรากงอกละ ตั้งแต่วันที่ไปสอบสัมภาษณ์ก็ผ่านมา 21 วัน = 3 สัปดาห์พอดี
ถ้าดูบล็อกตอนที่ผ่านมาก็จะเห็นว่าเราไปสอบโทอิคหลายต่อหลายครั้ง เพื่ออะไร?
ก็เพื่อมายื่น APU นี่แหละจ้ะ!!
รอยันตีสองก็ยังไม่ประกาศ ตื่นมาตอนเช้าก็ยังไม่มีเมล์ส่งเข้ามา รอแล้วรอเล่า จนกระทั่งทนไม่ไหว โทรไปหาแยมจัง ให้แยมจังโทรไปเช็คหน่อย
ผลตอบกลับมาว่า...
"วันที่ 17 มีนาคมเป็นวันที่ทางมหาลัยส่งผลทางไปรษณีย์ ส่วนการแจ้งผลทางอีเมล์จะประกาศในวันที่ 18 มีนาคมค่ะ"
หืม??
ไหนตอนสัมภาษณ์สตาฟบอกว่าส่งเมล์วันที่ 17 ไง??????????
.
.
.
นี่ตูข้าแหกตารอเพื่ออาร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
แต่ก็นะ เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือเมย์ยังมีแยมจัง
แม่นางรอถึงตีสามเจ้าค่ะ โอ้วววววววววววววววววววววววววว
ตอนนั้นเป็นช่วงสิบโมงเห็นจะได้ หมดแรง ขี้เกียจรอ ปลง รอลุ้นพรุ่งนี้ไปเลยแล้วกัน
เมื่อปล่อยวางได้ก็อ่านนิยายชิลๆ เจ้าค่ะ
พอเที่ยงครึ่งหม่อมแม่ก็มารับไปทานข้าว ระหว่างโซ้ยขนมหวานอยู่นั่นเอง แยมจังก็โทรไลน์มา...เสียงสั่นๆ
"เมย์ เมย์ได้ 80%"
.
.
.
ห๊ะ!!???
ไหนว่าประกาศพรุ่งนี้ไง รู้ได้ยังไง๊!!!!
สรุปคือเช็คในเว็บได้ก่อน สมองเบลอมากตอนนั้น ก่อนจะได้สติแล้วถามแยมจังกลับไปว่าแยมจังได้เท่าไหร่
"เราไม่ได้"
ชิบหายละ ข้าพตรูน่าจะเอะใจตั้งแต่เสียงนางสั่นๆ แล้วป่ะวะ
เราเงียบไปชั่วอึดใจ พยายามปลอบแยมจังที่กำลังร้องไห้อยู่อย่างเต็มความสามารถ เราไม่รู้จะปลอบยังไงดี เพราะเราก็เสียใจเหมือนกันที่แยมจังไม่ได้
ทั้งที่ตั้งใจจะไปอยู่ด้วยกันแท้ๆ
ทำไมวะ ทำไมแยมจังไม่ได้ อยากให้แยมจังได้อ้ะ โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ
ปลอบกันไปเกือบครึ่งชั่วโมงเราก็ต้องวางสายเพราะเราต้องไปขอใบรับรองแพทย์ที่โรงพยาบาลที่นำมาซึ่งความหงุดหงิดในเวลาต่อมา ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ
ที่จริงขณะนั้น เราก็รู้สึกไม่ดีเหมือนกันนะ
อย่างที่รู้ ใครๆ ก็อยากได้ทุน 100% ...เราเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
ลึกๆ แล้วก็ผิดหวังนะ
แต่ก็นะ ความสามารถไม่มี บารมียังไม่ถึง ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ได้แค่นี้ก็ดีแล้วล่ะ เนอะ ^^
อย่างน้อยพ่อแม่ก็ภูมิใจในตัวเรามากแล้วล่ะ
ย้อนกลับมาตอนขอใบรับรองแพทย์ มีเรื่องหงุดหงิดล่ะ...
คนเยอะมาก รอคิวนานมาก แล้วที่นานไม่ใช่สาเหตุหลักที่คนเยอะนะ
หมอยังไม่มา
คือร่ะ??? บ่ายโมงกว่าแล้วนะ ยังไม่มา!!?? คนไข้ก็รอไปสิ ได้ยินคนไข้ด้านหลังทั้งบ่นทั้งด่าหมอกับโรงพยาบาลไฟแลบแล้วอื้อหืม...
มีอะไรอีกหลายอย่างที่รัฐสวัสดิการยังต้องแก้ไข้อีกเยอะนะเนี่ย =O=
เราไม่ค่อยมาโรงพยาบาลเลยไม่ค่อยรับรู้ปัญหาอะไรพวกนี้เท่าไหร่ แต่พอรู้แล้วรู้เลย =__=
ขอขอบคุณคุณป้าด้านหลัง ที่บ่นกับคนข้างๆ (ให้เราได้ยิน) ฮ่าๆๆ แม้บางอย่างป้าจะบ่นด้วยอารมณ์อันคุกรุ่นแต่เราก็สัมผัสได้ว่ามันจริง
เอาใบรับรองแพทย์เสร็จก็บ่ายสองกว่า (ไปบ่ายโมง =_=) กลับบ้านมาก็นั่งครุ่นคิดว่าจะเอายังไงกับชีวิตดี?
APU : ทุน 80 % VS. เทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น : ทุน 100 %
คือถ้าได้ทุน APU 100 % เราก็ไม่ลังเลที่จะไปหรอก ไม่ลังเลเลยสักนิด แต่ว่าได้ 80 % มีภาระค่าเทอมสองแสนกว่าเยน....
ไม่ใช่น้อยๆ เลยนะเพ่ =[]=!!
ประเด็นไม่ได้มีแค่ตรงนั้น สองแสนกว่าเยนถ้าคิดเป็นเงินไทยก็ราคาพอกับม.อินเตอร์บางที่น่ะแหละ ถูกกว่าด้วยซ้ำ แต่...!!!
ค่าครองชีพที่ญี่ปุ่นมันอภิมหาโคตรแพงเลยนะขอรับ!
เกรงใจพ่อ เกรงใจแม่ ถ้าคิดค่าครองชีพ ค่าหอพัก รวมกับ ค่าเทอมแล้ว มันหนักเอาการ...
ทำไงดี ถ้าอยู่ไทยไม่ต้องเสียค่าเทอมสักบาท ค่าครองชีพก็ไม่ได้สูงมาก เรียนบริหารธุรกิจ
ถ้าอยู่ญี่ปุ่น ค่าครองชีพสูง เสียค่าเทอมปีละสองแสนเยน เรียนสังคมศาสตร์เอกความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
อยากอยู่ญี่ปุ่น....แต่ก็กลัว
อยากเรียนที่ญี่ปุ่น....แต่ก็เกรงใจพ่อแม่
ในหัวคิดวนเวียนอยู่กับที่ทั้งวัน คิดแล้วคิดอีก จนกระทั่งแม่มาบอกว่า พ่อกับแม่ให้ลูกไปญี่ปุ่นนะ
น้ำตาไหล...
บอกไม่ถูกทั้งปริ่ม ทั้งตื้นตัน ทั้งกลัว และที่สำคัญ...เกรงใจ
แต่อยากไป...
สุดท้าย...เราตัดสินใจว่าจะไป ^_^ พ่อยิ้มแม่ยิ้ม
รักพ่อกับแม่ที่สุดเลย
แล้วลูกสาวคนนี้จะตั้งใจเรียนนะคะ!
สัญญา