วันเสาร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ว่าด้วยเรื่องทุน APU - การเตรียมตัว การสัมภาษณ์

เอาล่ะ เนื่องจากตอนนี้ชีวิตคือว่างมาก อยู่บ้านไม่มีไรทำ รอไปเรียนเดือนกันยานู่น เลยมาทำประโยชน์อะไรกับชาวโลกเสียหน่อย

จากเอนทรี่ก่อนดูเหมือนว่าจะมีคนสงสัยเรื่องทุน APU อยู่ เราจึงจะมาอธิบายทุกอย่างไว้ในเอนทรี่นี้เลยก็แล้วกันนะจ๊ะ 



APU ย่อมาจาก Ritsumeikan Asia Pacific University เป็นมหาวิทยาลัยอินเตอร์แห่งหนึ่งในญี่ปุ่นที่กำลังมาแรงเลยทีเดียว ด้วยจุดเด่นที่มหาลัยนี่มีนึกศึกษาต่างชาติกับญี่ปุ่นเป็นสัดส่วนครึ่งต่อครึ่งทำให้มหาลัยแห่งนี้กลายเป็นแหล่งรวมวัฒนธรรมนานาชาติไปโดยปริยาย โดยมหาลัยแห่งนี้ตั้งอยู่ที่เมืองเบ็บปุ จังหวัดโออิตะซึ่งเป็นเมืองที่โดดเด่นด้านออนเซ็นแถมค่าครองชีพไม่ค่อยสูงมาก มหาลัยนี้จึงเป็นอีกหนึ่งมหาลัยที่นักศึกษาต่างชาติให้ความสนใจมากทีเดียว

อันที่จริงแล้ว จุดเด่นของมหาลัยนี้อีกอย่างที่ดึงดูดนักเรียนม.ปลายวัยใสหัวใจเอนทรานซ์ให้เข้ามาสมัครกันก็คือ 'ทุน' 

ใช่ค่ะ...ทุน =.,=

ทางมหาลัยจะมีทุนลด 'ค่าเล่าเรียน' ตลอดระยะเวลา 4 ปี เรียกได้ว่าให้จนจบการศึกษาเลยนั่นเอง โดยจะมีทุนให้ตั้งแต่ 30% 50% 65% 80% ไปจนถึง 100% เลยค่ะ ซึ่งทุนนี้จะพิจารณาจาก

1. ผลการเรียนในระดับชั้นม.ปลาย (ไม่ต่ำกว่า 3.00)
2. คะแนนความสามารถทางภาษาอังกฤษ พวกไอเฟล ไอเอล โทอิค
3. ผลการสอบสัมภาษณ์
4. เรียงความภาษาอังกฤษ
5. Portfolio 

อันตัวข้านั้นได้ทุน 80 % มา ผิดหวังนิดหน่อย (อยากได้ 100% อ่ะ TwT) แต่ก็โอเค ดีกว่าไม่ได้ล่ะวะ ฮ่าๆ

อนึ่ง ทุนนี้เป็นแค่ทุนค่าเล่าเรียนเฉยๆ นะ ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นเช่น ค่าหอ ค่ากินค่าอยู่นี่ต้องทุน พกมก. (พ่อกูแม่กู) โอนลี่ค่ะ แต่ไม่ต้องเป็นห่วงไป เมื่อไปถึงโน่นเราสามารถขอยื่นทุนได้อีกค่ะ มีสปอนเซอร์คอยสนับสนุนอยู่ พวกทุนค่ากินค่าอยู่ไรงี้ แล้วแต่เงื่อนไข อันนี้เรายังไม่ได้ไป ยังไม่ขอ อธิบายได้ไม่มาก


เอาล่ะ มาว่าด้วยเรื่องมหาลัยกันต่อ มหาลัยตอนนี้มีเปิดอยู่ด้วยกัน 2 คณะคือ

1. College of International Management (APM) 
2. College of Asia Pacific Studies (APS)

รายละเอียดย่อยของคณะก็ไปหาอ่านที่เว็บของมหาลัยกันเองนะ ฮ่าๆๆๆๆ


ตอนนี้เราจะมาพูดถึงขั้นตอนการสมัคร  อย่างแรกเราต้องเตรียมเอกสารประกอบการสมัครก่อน ซึ่งมีดังนี้

1. แบบฟอร์มการสมัคร หาโหลดได้ที่ http://admissions.apu.ac.jp/apply/download_form.html ไม่ก็สมัครออนไลน์ก็ได้นะ โดยต้องสมัครเป็นสมาชิกในเว็บของมหาลัยก่อน แล้วกรอกข้อมูลไปเรื่อยๆ ตามที่เค้าให้กรอก อันนี้บอกไว้ก่อนสำหรับคนที่จะชำระเงินค่าสมัครผ่านบัตรเครดิตนะคะ ต้องสมัครทางเว็บเท่านั้น แต่ถ้าโอนเงินผ่านทางธนาคารทั่วไปก็ทำวิธีไหนก็ได้ค่ะ

2. ผลการเรียนภาษาอังกฤษฉบับจริง ถ้ายังไม่จบม.6 ก็ยื่น 5 เทอม แต่ถ้าจบแล้วก็ยื่น 6 เทอมค่ะ

3. ผลการสอบภาษาอังกฤษ มี 3 อย่างให้เลือกคือ 1. TOEIC (700 ขึ้นไป) 2. TOEFL (61 ขึ้นไป) 3. IELTS (5.5 ขึ้นไป) หรือถ้าไม่มีก็เอาแบบฟอร์ม English Proficiency Evaluation ไปให้อาจารย์สอนอังกฤษที่โรงเรียนกรอกประเมินให้เราก็ได้ค่ะ แต่แนะนำว่าให้ยื่นคะแนนดีกว่าค่ะ ส่วนที่มีคนถามว่าคะแนนไม่ถึงยื่นได้มั้ย ขอตอบว่ายื่นได้ค่ะ แต่ถ้าต้องการทุนโดยเฉพาะ 80% ขึ้นไปก็ต้องเขียน essay ให้ได้อย่างเทพ สัมภาษณ์อย่างเลิศ ซึ่งเราขอแนะนำว่าไปสอบดีกว่าค่ะ พยายามที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น เหมือนเราก็ไปสอบโทอิคมาตั้ง 3 ครั้งแน่ะ 5555+ 

4. เรียงความภาษาอังกฤษ-เขียนตามหัวข้อที่ได้มาเลยค่ะ จะมีสองTopic ใหญ่ๆ เขียนเสร็จใครไม่มั่นใจก็เอาไปให้อาจารย์ช่วยเกลาภาษาให้ก็ได้ค่ะ แต่ขอย้ำนะคะว่าต้องเขียนเอง จริงอยู่ที่กรรมการอาจจะไม่รู้ว่าเราเขียนเองจริงหรือเปล่า แต่อย่าไปจ้างเลยค่ะ ส่วนตัวคิดว่าจะตรงนี้ยังทำเองไม่ได้ ต้องไปจ้างเอา ถึงเวลาเรียนจริงก็ไม่ไหวหรอกค่ะ อ้อ ในใบสมัครจะมีอีกหน้าหนึ่งให้เขียนสำหรับคนที่ต้องการขอทุน อีกหนึ่งหัวข้อนะ ใครไม่ขอก็ข้ามไป

5. หนังสือรับรองจากทางโรงเรียนภาษาอังกฤษฉบับจริง - เอกสารรับรองว่าเรียนจบแล้วไรทำนองนี้ ถ้ายังไม่จบก็ขอเอกสารยืนยันสถานภาพนักเรียนแทน

6. สำเนาหนังสือเดินทาง

7. Recommendation Letter แนบมากับใบสมัครแล้ว ให้อาจารย์กรอก ให้ดีเป็นครูอังกฤษ

8. รูปถ่าย 2 ใบ ขนาดนิ้วครึ่ง

9. หลักฐานการชำระเงินค่าสมัคร / สลิป

เอาล่ะหลังจากที่เราส่งเอกสารเหล่านี้ไปหมดเรียบร้อยแล้ว ทางมหาลัยก็จะออกตารางสัมภาษณ์มาให้ เราก็ไปตามคิวของเราค่ะ ให้ดีควรไปก่อนสัก 20 นาที 

สำหรับการสัมภาษณ์ ควรเตรียมตัวยังไงบ้าง???

การสัมภาษณ์นั้นจะใช้เวลาประมาณ 20 - 30 นาทีค่ะ โดยจะมีอาจารย์สองท่านคอยสัมภาษณ์เรา อาจารย์ใจดีและเป็นกันเองค่ะ ไม่ต้องกังวลไป รีแลกซ์เข้าไว้ ตื่นเต้นได้แต่อย่าถึงขั้นประหม่า

มีคำถามอะไรบ้าง....?

เอิ่ม เท่าที่จำได้นะ

1. ไหนลองแนะนำตัวเองซิ - เราก็แนะนำไปค่ะ ชื่อแซ่อะไร มาจากที่ไหน เรียนรร.ไร อยากเข้าคณะอะไร ซึ่งนำมาสู่คำถามต่อไป.... 

2. ทำไมถึงอยากเรียนเข้าคณะนี้ล่ะ - เราบอกไปว่าอยากเรียน APS สาขา IR ค่ะ เลยตอบไปว่าอยากเป็นฑูตไรงี้ 5555+ อันนี้แล้วแต่คณะนะคะ บอกเหตุผลของเราไปเองเลยค่ะ

3. คิดว่าปัญหาระหว่างไทย-ญี่ปุ่นตอนนี้คืออะไร - อันนี้อาจารย์จะถามให้โยงกับคณะที่เราเลือกค่ะ เหมือนเราเลือก IR อาจารย์เลยถามปัญหาระหว่างประเทศ ดูว่าเราสนใจเหตุการณ์ความเป็นไปของโลกมั้ย? 555+ข้อนี้เราแถค่ะ ขอไม่เปิดเผยว่าตอบไรออกไป พูดไปพูดมาโยงเข้าการเมืองค่ะ (ช่วงนั้นมีม็อบ) เลยเข้าสู่คำถามข้อต่อไปต่อ =O=

4. ถ้าหากคุณเป็นคนเดียวที่สามารถแก้ไขปัญหาของไทยในตอนนี้ได้ คุณจะทำยังไง - โอ้วเบเบ้ ข้อนี้หินมาก มัน-หิน-มาก!!!! ไม่สามารถทำไรได้นอกจากแถต่อค่ะ (ไม่เปิดเผยเช่นเคย)

5. คุณคิดว่า ถ้าได้อยู่ APU แล้วจะทำกิจกรรมอะไรบ้าง - แน่นอนว่าต้องตอบเหมือนกันทุกคนคือ Thai Week!! 555+ แล้วก็แถมไปอีกหนึ่งกิจกรรม ข้อนี้แล้วแต่เช่นกัน อยากทำไรก็บอกเค้าไปเลยค่ะ บอกเหตุผลไปด้วยก็ดี

6. คุณจะทำอะไรในกิจกรรม Thai Week - ตอบเหมือนกันทุกคนเช่นกันคือ รำไทยค่ะ!! ถามว่ารำเป็นมั้ย ก็ไม่นะคะ ข้อนี้ตอบตามอัธยาศัย จะตอบว่าระบำไทเก๊กก็ได้ไม่ว่ากัน (ห๊ะ?)

7. ถ้าให้เลือกระหว่างเป็นผู้นำกับผู้ตามคุณจะเลือกอะไร? 


คำถามก็ทำนองนี้แหละค่ะ มีอีก แต่ไกด์ให้แค่นี้พอ กร๊ากกก (อิงก!) โดยรวมแล้วก็ถามความเห็นของเรานั่นแหละค่ะ คำถามจะเป็นไปตามคณะที่เราเลือก ไม่เหมือนกันแล้วแต่คนค่ะ ถ้าเลือกคณะอะไรไปก็เตรียมข้อมูลไปหน่อยก็ดีค่ะ เหมือนบริหารธุรกิจอาจจะถามเกี่ยวกับเศรษฐกิจไรงี้ แต่ไม่ต้องซีเรียสมากค่ะ คำถามค่อนข้างโอเพ่น ให้เราแสดงความเห็นมากกว่า เค้าดูทัศนคติของเราด้วยรวมถึงการใช้ภาษาอังกฤษว่าสามารถพูดคุยตอบโต้เขาได้รึเปล่า ของเราก็ลื่นบ้างติดขัดบ้าง แต่ก็ให้ระลึกไว้ว่าจงเป็นตัวของตัวเองค่ะ แสดงความมุ่งมั่นในการจะเข้ามหาลัยนี้ให้มากที่สุด คิดอะไรไม่ออกก็จงยิ้มสู้!! เคนะทุกคน ^O^! 



วันอังคารที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

[Thai Trans] A PAGE - Akanishi Jin

You and I You and I You and I
You and I You and I You and I


คุณและผม คุณและผม คุณและผม
คุณและผม คุณและผม คุณและผม

I got 2, 5 years to tell yall about

25 tears I cried and set aside for a bitch that lied
Now I sit inside can't believe that i tried
But I'd let it all go just to know
Did you really trust in me or was it just a show
Now the shows that I go get a little bit longer
And the motivation gets a little stronger

ผมใช้เวลากว่า 2,5 ปีเพื่อที่จะบอกพวกคุณเกี่ยวกับ

25 หยดน้ำตาที่ผมเสียไปและหยุดทุกอย่างเพื่อยัยจิ้งจอกจอมหลอกลวง
ตอนนี้ผมได้นั่งลง ไม่อยากเชื่อเลยว่าผมจะอ่อนล้ามากขนาดนี้
แต่ผมจะปล่อยทุกอย่างไปเพื่อที่จะลองดูหน่อยว่า
คุณเชื่อมั่นในตัวผมจริงๆ หรือว่าทุกอย่างเป็นแค่การแสดงฉากหนึ่ง
ยามนี้การแสดงต่างๆ ที่ผมไปดูมันเริ่มจะยืดเยื้อขึ้นไปอีกนิด
และการกระตุ้นก็เริ่มรุนแรงขึ้นมาอีกหน่อยแล้ว 


So it's on her she dropped that ball
In the summers when i fall
Cuz you made that call
I keep moving on with my mind on the goal
Nothing could a stopped this, my cups not full


ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับคุณที่เคยทิ้งบอลลูกนั้นลง
ในฤดูร้อนที่ผมเพลี่ยงพล้ำ
เพราะสายโทรศัพท์จากคุณนั่นไง
ผมได้ก้าวต่อไปเรื่อยๆ ด้วยเป้าหมายที่ตั้งมั่นเอาไว้ในจิตใจ
ไม่มีอะไรมาหยุดผมได้ แก้วของผมยังไม่เต็มหรอกนะ

Now it shows that you didn't all know
When I had to let it go
So you hear my heart fall
Let us break it down


ตอนนี้มันก็เห็นได้ชัดแล้วว่าคุณไม่ได้รู้เรื่องราวทั้งหมดเลยสักนิด
ตอนที่ผมต้องปล่อยทุกอย่างไป
เพราะงั้นคุณได้ยินเสียงหัวใจที่แตกสลายของผมแล้วใช่มั้ย
เรามาทำลายมันไปด้วยกันเถอะ


Easily you understand
Easily I had a plan
Even if you make me fall
Just know I'm gonna take a stand


ง่ายๆ คุณเข้าใจได้แน่
ง่ายๆ ผมมีแผนเอาไว้แล้ว
แม้ว่าคุณจะทำให้ผมเพลี่ยงพล้ำก็เถอะ
แค่รู้ไว้ว่าผมจะสร้างจุดยืนของผมเองขึ้นมาก็พอ


You and I You and I You and I
You and I You and I You and I


คุณและผม คุณและผม คุณและผม
คุณและผม คุณและผม คุณและผม

Pray for protection when i step on the stage
Let the lights of this life blast the pain away
And I know there was nothing
that you could ever tell me it's true
I had it all figured out and now I'm running it through
Stay moving dust starts to settle around


ภาวนาเรียกหาการปกป้องยามที่ผมได้ก้าวขึ้นไปบนเวที
ให้แสงสว่างของชีวิตทำลายความเจ็บปวดนี้ไป
และผมรู้ว่าไม่มีอะไรเลย
ที่คุณจะบอกผมได้ว่านี่คือเรื่องจริง
ผมคำนวณทุกอย่างเอาไว้แล้วและตอนนี้ผมก็กำลังวิ่งฝ่ามันไป
ปัดฝุ่นออกไปสักนิดเพื่อเริ่มตั้งรกรากกันใหม่


Gave up a little life just to gain a little ground
How'd make it this far without your love in my life
Carry me close to your heart
I know it's hard
An nothing can compare when the feeling is there
You got a little something something love-in like
you never had nothing frontin just to get up and go
I'd do it all for you
and I know you know


ยอมแพ้ในชีวิตเล็กๆ นี้ไปสักนิดเพื่อให้ได้พื้นที่เพิ่มมาอีกหน่อย
ผมจะมาไกลขนาดนั้นได้อย่างไรถ้าปราศจากความรักจากพวกคุณ
ให้ผมได้เข้าไปอยู่ใกล้ๆ หัวใจของคุณเถอะ
ผมรู้ว่ามันยาก
ความว่างเปล่าสามารถเปรียบเทียบได้เมื่อมีความรู้สึกอยู่ตรงนั้น
คุณมีบางสิ่งบางอย่างเล็กๆ บางสิ่งที่ดูคล้ายกับความรัก
คุณอาจไม่เคยมีสิ่งที่ต้องเผชิญหน้ากับมันมาก่อน ไม่เป็นไร แค่ลุกขึ้นและก้าวไป
ผมจะทำทุกอย่างเพื่อคุณ
และผมก็รู้ว่าคุณต้องทราบมันดี



The sound that lingered in my ears was made by your tears
That told me that you love me wanna make it last
But we only had what is done is bad
Now I look to the sky just to cry



เสียงจากหยาดน้ำตาของคุณที่ดังก้องอยู่ในหูผม
เสียงที่บอกว่าคุณรักผมและต้องการให้รักครั้งนี้ยืนยาวตลอดไป
แต่พวกเรามีเพียงแค่สิ่งเลวร้ายที่ได้ทำลงไปแล้วเท่านั้น
ตอนนี้ผมแหงนหน้าขึ้นมองฟ้า เพื่อจะปล่อยหยดน้ำตาเพียงเท่านั้น



So forgive and let's live this life that i missed
Let's hit this live say hello with a fist
We wished we knew now we can't stop it
You didn't make it I just can't top it
So I ask will you bless me please
Expanding my territories
North and south just hear his mouth
The hands get weak and knees give out


เพราะงั้นได้โปรดให้อภัยและให้ผมได้ดำเนินชีวิตในส่วนที่ขาดหายต่อไป
ทำลายชีวิตนี้ทิ้งไปซะ ทักทายด้วยกำปั้นซะหน่อย
เราหวังว่าเราจะตระหนักกันได้แล้วว่าเราไม่มีทางหยุดมันได้
คุณไม่ได้ทำอะไรผิดหรอก เป็นผมเองที่ควบคุมมันไม่ได้
ดังนั้นผมขอให้คุณอวยพรให้ผมหน่อยได้ไหม
ขยายอณาเขตของผมไป
จากเหนือจรดใต้ขอแค่ฟังทุกอย่างจากปากของเขา
มือคู่นี้อ่อนล้า เข่าคู่นี้ทรุดลง 


You and I You and I You and I
You and I You and I You and I

คุณและผม คุณและผม คุณและผม
คุณและผม คุณและผม คุณและผม

I got 25 years to tell yall about
25 tears I cried and
set aside for a bitch that lied
Now I sit inside can't believe that i tried
But I'd let it all go just to know
Did you really trust in me or was it just a show
Now the shows that I go get a little bit longer
And the motivation gets a little stronger


ผมใช้เวลากว่า 2,5 ปีเพื่อที่จะบอกพวกคุณเกี่ยวกับ
25 หยดน้ำตาที่ผมเสียไปและหยุดทุกอย่างเพื่อยัยจิ้งจอกจอมหลอกลวง
ตอนนี้ผมได้นั่งลง ไม่อยากเชื่อเลยว่าผมจะอ่อนล้ามากขนาดนี้
แต่ผมจะปล่อยทุกอย่างไปเพื่อที่จะลองดูหน่อยว่า
คุณเชื่อมั่นในตัวผมจริงๆ หรือว่าทุกอย่างเป็นแค่การแสดงฉากหนึ่ง
ยามนี้การแสดงต่างๆ ที่ผมไปดูมันเริ่มจะยืดเยื้อขึ้นไปอีกนิด
และการกระตุ้นก็เริ่มรุนแรงขึ้นมาอีกหน่อยแล้ว 


Original Trans by signal-yt1
Edit Trans by Maychanhikka


ตอนนี้เกิดเรื่องราวขึ้นมากมาย อย่างที่ทุกคน (?) คงรู้กันเรื่องคริสหรืออู้อี้ฟานได้ยื่นฟ้องค่าย sm และมีเหตุการณ์น่าเศร้าตามมาตลอด 6 วันที่ผ่านมานี้

สมาชิกอันฟอลไอจีพี่คริส...
แฟนคลับหลายคนเริ่มทิ้งเขาไป...
แฟนคลับเริ่มคาดเดาและวิเคราะห์กันไปต่างๆ นาๆ ก่อนจะเริ่มแตกคอกัน แบ่งฝักแบ่งฝ่าย และเริ่มทะเลาะกันเพราะความเห็นที่แตกต่าง

ไม่ว่าใครต่างก็เจ็บปวด

ทั้งสมาชิกอีก 11 คนที่ต้องเหน็ดเหนื่อยเพราะคอนเสิร์ตที่กำลังจะถึงในอีกไม่กี่วันนี้ ทั้งพี่คริสที่ตอนนี้ไม่รู้อยู่ที่ไหนไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง

รวมถึงแฟนคลับ...ที่ต้องรับรู้ทุกอย่างผ่านตัวอักษรหน้าจอคอม ไม่ว่าจะเป็นข่าวลือก็ดี หรือคำพูดที่สาดเทกันไปมาจากเมนคริสและเมนคนอื่นๆ ก็ดี 

ได้อะไรเหรอ? มันได้อะไรเหรอนอกจาก 'ความเจ็บปวด'

เรารู้ทุกคนโกรธ เรารู้ทุกอย่างเสียใจ โดยเฉพาะคนที่โกรธพี่คริสที่ทิ้งทุกอย่างไว้ให้เมมเบอร์คนอื่นๆ แบกรับเอาไว้ เรารู้ว่าในเรื่องนี้พี่คริสผิดจริงที่ทำให้ทุกอย่างมันรวนและสับสนวุ่นวายมากขนาดนี้ เราเองก็คิดเหมือนกัน

แต่ขอได้ไหม

ช่วยรอเขาออกมาพูดอะไรอีกหน่อยได้ไหม ให้โอกาสเขาพูดความรู้สึกของเขา เหตุผลของเขาที่ทำไปทั้งหมด

เมื่อถึงเวลาที่เรารู้ 'ความจริง' ทุกอย่างแน่ชัด ไม่ว่าจะจาก sm ก็ดี หรือจากปากพี่คริสเองก็ดี..

ถึงเวลานั้นมันก็ยังไม่สายไม่ใช่หรือที่คุณจะตัดสินเขาจากการกระทำนี้

จะโกรธเขาก็ได้ จะเกลียดเขาก็ได้ ขอแค่ตอนนี้ ในยามที่ทุกอย่างไม่แน่นอน ในยามที่ทุกคนกำลังสับสนและเสียใจ จับมือกันไว้ให้แน่นๆ ก่อนไม่ได้หรือ? 

อนึ่ง เราเห็นข่าวพี่คริสแล้วนึกถึงเพลงนี้ของจินขึ้นมา เพลงที่เขาแต่งไว้ก่อนที่จะจาก KAT-TUN ไป เหมือนเป็นภาพสะท้อน เหมือนเป็นเดจาวู แม้ว่าเหตุการณ์จะต่างก็เถอะ แต่มันก็มีแต่ความเจ็บปวดเหมือนกัน เลยหยิบมาแปลใหม่ บางอย่างก็คงคำแปลเดิมจากที่เขาแปลไว้แล้วเพราะภาษาเค้าสวยกว่าเรา

สุดท้ายนี้ รักนายนะอู๋ฟาน รักพวกนายนะ EXO